ฝึกฝนศิลปะการจัดสไตล์ภาพถ่ายอาหารให้เชี่ยวชาญด้วยคู่มือฉบับสมบูรณ์นี้ เรียนรู้เทคนิคที่จำเป็น เทรนด์ระดับโลก และเคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างภาพที่น่ารับประทานซึ่งดึงดูดผู้ชมจากนานาชาติ
ศิลปะแห่งการจัดสไตล์ภาพถ่ายอาหาร: คู่มือฉบับสากล
การถ่ายภาพอาหารเป็นมากกว่าแค่การเล็งกล้องไปที่จาน มันคือภาษาภาพ คือเรื่องราวที่บอกเล่าผ่านแสง องค์ประกอบ และการจัดวางวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน การจัดสไตล์อาหาร (Food styling) คือกุญแจสำคัญในการปลดล็อกเรื่องราวนั้น เปลี่ยนเมนูธรรมดาให้กลายเป็นงานศิลปะที่น่าหลงใหลซึ่งดึงดูดผู้ชมจากทั่วโลก คู่มือนี้จะเจาะลึกถึงเทคนิคและข้อควรพิจารณาที่จำเป็นสำหรับการจัดสไตล์ภาพถ่ายอาหาร เพื่อให้แน่ใจว่าภาพของคุณจะโดนใจผู้ชมจากนานาชาติ
ทำความเข้าใจผู้ชมของคุณ: มุมมองระดับโลก
ก่อนที่คุณจะหยิบอุปกรณ์ใดๆ ขึ้นมา ลองพิจารณาถึงกลุ่มเป้าหมายของคุณก่อน คุณกำลังนำเสนอต่อบล็อกเกอร์สายอาหาร ลูกค้าร้านอาหาร ผู้ที่ชื่นชอบตำราอาหาร หรือผู้ชมออนไลน์ทั่วไป? แต่ละกลุ่มมีความคาดหวังและความชอบที่แตกต่างกัน ที่สำคัญคือต้องจำไว้ว่าคอนเทนต์ออนไลน์นั้นมีลักษณะเป็นสากล สิ่งที่น่าสนใจในวัฒนธรรมหนึ่งอาจไม่เป็นที่ชื่นชอบในอีกวัฒนธรรมหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ภาพอาหารที่จัดแต่งอย่างสวยงามหรือ 'สมบูรณ์แบบ' เกินไป อาจถูกมองว่าไม่เป็นธรรมชาติในบางวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับความงามแบบธรรมชาติ เรียบง่ายเหมือนอาหารทำเองที่บ้าน
- ศึกษาความชอบทางวัฒนธรรม: ค้นคว้าเกี่ยวกับสไตล์การจัดจานที่พบบ่อย วัตถุดิบยอดนิยม และวิธีการนำเสนออาหารแบบดั้งเดิมในภูมิภาคต่างๆ
- พิจารณาข้อจำกัดด้านอาหารตามหลักศาสนา: คำนึงถึงความเชื่อทางศาสนาและข้อบัญญัติเกี่ยวกับอาหาร (เช่น ฮาลาล, โคเชอร์, วีแกน) ซึ่งอาจส่งผลต่อการเลือกอาหารและการนำเสนอ
- ปรับให้เข้ากับรสนิยมท้องถิ่น: หากคุณตั้งเป้าไปที่ภูมิภาคใดโดยเฉพาะ ให้ผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่นและประเพณีการทำอาหารเข้าไปในการจัดสไตล์ของคุณ
เทคนิคการจัดสไตล์อาหารที่จำเป็น
การเรียนรู้เทคนิคการจัดสไตล์อาหารให้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ภาพที่ดูน่าดึงดูดและน่ารับประทาน นี่คือเทคนิคสำคัญบางประการที่ควรพิจารณา:
1. การจัดจานและองค์ประกอบภาพ
การจัดจานคือรากฐานของการจัดสไตล์อาหาร มันคือการจัดเรียงอาหารบนจานในลักษณะที่สวยงามน่ามอง ส่วนองค์ประกอบภาพหมายถึงการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ภายในเฟรม รวมถึงอาหาร พื้นหลัง พร็อพ และแสง
- กฎสามส่วน (Rule of Thirds): แบ่งเฟรมของคุณออกเป็นเก้าส่วนเท่าๆ กันโดยใช้เส้นแนวนอนสองเส้นและแนวตั้งสองเส้น วางองค์ประกอบสำคัญตามแนวเส้นเหล่านี้หรือที่จุดตัดเพื่อสร้างองค์ประกอบที่สมดุลและน่าสนใจ
- พื้นที่ว่าง (Negative Space): ใช้พื้นที่ว่างอย่างมีกลยุทธ์เพื่อดึงดูดความสนใจไปที่อาหาร อย่าให้จานดูรกเกินไป ปล่อยให้อาหารมีพื้นที่หายใจ
- ความกลมกลืนของสี: พิจารณาชุดสีของอาหารของคุณ ใช้สีคู่ตรงข้าม (เช่น แดงกับเขียว, น้ำเงินกับส้ม) เพื่อสร้างคอนทราสต์และความน่าตื่นเต้นทางสายตา การใช้โทนสีเดียวก็สามารถสร้างลุคที่ดูเรียบง่ายและหรูหราได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
- ความสูงและพื้นผิว (Texture): เพิ่มมิติให้กับการจัดจานของคุณโดยการสร้างความหลากหลายในความสูงและพื้นผิวของวัตถุดิบ วางวัตถุดิบซ้อนกันอย่างมีกลยุทธ์หรือใช้ซอสเพื่อสร้างความน่าสนใจทางสายตา
- ตกแต่งอย่างชาญฉลาด: การตกแต่งสามารถเพิ่มสีสันและรสชาติได้ แต่ควรใช้อย่างพอประมาณ หลีกเลี่ยงการตกแต่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหารหรือที่ทำให้การนำเสนอโดยรวมด้อยลง พาร์สลีย์, ไมโครกรีน, ดอกไม้ที่ทานได้ และผิวเลมอนเป็นตัวเลือกที่นิยม
ตัวอย่าง: แทนที่จะเพียงแค่กองพาสต้าลงบนจาน ลองใช้ที่คีบม้วนเส้นให้เป็นเกลียวอย่างสวยงาม จัดมีทบอลสองสามลูกไว้ด้านบน ราดด้วยซอส และตกแต่งด้วยใบโหระพาสดและโรยพาร์เมซานชีสเล็กน้อย ใช้จานสีตัดกันเพื่อให้พาสต้าดูโดดเด่นขึ้น
2. การทำงานกับพื้นผิว (Texture)
พื้นผิวมีบทบาทสำคัญในการถ่ายภาพอาหาร มันสามารถสื่อถึงข้อมูลเกี่ยวกับสัมผัสในปากและความน่าดึงดูดโดยรวมของอาหาร พยายามนำเสนอพื้นผิวที่หลากหลายในภาพของคุณ ตั้งแต่พื้นผิวเรียบเนียนของซอสไปจนถึงขอบกรอบๆ ของผักย่าง
- เน้นความแตกต่าง: ผสมผสานพื้นผิวที่แตกต่างกันเพื่อสร้างความน่าสนใจทางสายตา ตัวอย่างเช่น จับคู่มันบดเนื้อครีมกับไก่ทอดกรอบๆ หรือสลัดกรุบกรอบกับชีสนุ่มๆ
- ใช้ซอสอย่างมีกลยุทธ์: ซอสสามารถเพิ่มความเงางามและความชุ่มชื้นให้กับอาหาร ทำให้ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น ราดซอสอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาหารดูเลอะเทอะ
- ใส่ใจกับความชุ่มชื้น: ทำให้อาหารดูสดและชุ่มชื้นอยู่เสมอโดยการพรมน้ำหรือน้ำมันตามความจำเป็น อาหารที่แห้งหรือเหี่ยวเฉาอาจดูไม่น่ารับประทานในภาพถ่าย
- สร้างความลึก: ใช้เทคนิคการจัดชั้นเพื่อแสดงพื้นผิวที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ทำแซนด์วิชที่มีชั้นของผักกาดแก้วกรอบๆ มะเขือเทศฉ่ำๆ และเนื้อนุ่มๆ
ตัวอย่าง: เมื่อถ่ายภาพสลัด ให้ใช้ผักหลากหลายชนิดที่มีพื้นผิวแตกต่างกัน เช่น ผักกาดโรเมน, ผักโขม และอารูกูล่า เพิ่มขนมปังกรอบหรือถั่วเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสและความน่าสนใจทางสายตา ราดด้วยน้ำสลัดวินิเกรตที่มีรสชาติเพื่อสร้างความเงางามและความชุ่มชื้น
3. การเลือกพร็อพและพื้นหลัง
พร็อพและพื้นหลังสามารถเสริมสร้างสุนทรียภาพโดยรวมของภาพถ่ายอาหารของคุณได้ เลือกพร็อพที่เข้ากับอาหารและช่วยเสริมเรื่องราวที่คุณพยายามจะบอกเล่า จัดพื้นหลังให้เรียบง่ายและไม่รกเพื่อหลีกเลี่ยงการดึงความสนใจไปจากตัวแบบหลัก
- สีที่เข้ากัน: เลือกพร็อพและพื้นหลังที่มีสีเข้ากับสีของอาหารของคุณ สีกลางๆ เช่น ขาว ดำ และเทา เป็นสีที่ใช้งานได้หลากหลายและเข้ากันได้ดีกับอาหารหลายประเภท
- พื้นผิวและวัสดุ: พิจารณาพื้นผิวและวัสดุของพร็อพของคุณ เขียงไม้, ผ้าเช็ดปากลินิน และจานเซรามิกสามารถเพิ่มความอบอุ่นและเอกลักษณ์ให้กับภาพของคุณได้
- ขนาดและสัดส่วน: เลือกพร็อพที่มีขนาดเหมาะสมกับอาหาร พร็อพที่ใหญ่หรือเล็กเกินไปอาจทำให้องค์ประกอบภาพเสียสมดุลได้
- การเล่าเรื่อง: ใช้พร็อพเพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอาหาร ตัวอย่างเช่น ช้อนไม้แบบรัสติกและผ้าปูโต๊ะสไตล์วินเทจสามารถปลุกความรู้สึกถึงประเพณีและความอร่อยแบบโฮมเมดได้
- พื้นหลัง: เลือกพื้นหลังที่เรียบง่ายและไม่รก พื้นผิวไม้, ท็อปเคาน์เตอร์หินอ่อน และผ้าที่มีพื้นผิวเป็นตัวเลือกที่นิยม หลีกเลี่ยงลวดลายหรือสีที่อาจดึงความสนใจไปจากอาหาร
ตัวอย่าง: สำหรับอาหารอิตาเลียนสไตล์รัสติก ให้ใช้เขียงไม้เป็นพื้นหลังและใส่พร็อพ เช่น ขวดน้ำมันมะกอก, กระเทียมหนึ่งหัว และกิ่งโรสแมรี่ สำหรับลุคที่ทันสมัยและมินิมอลมากขึ้น ให้ใช้ท็อปเคาน์เตอร์หินอ่อนสีขาวเป็นพื้นหลังและใช้พร็อพที่เรียบง่ายและหรูหรา
4. เทคนิคการจัดแสง
แสงเป็นหนึ่งในแง่มุมที่สำคัญที่สุดของการถ่ายภาพอาหาร แสงที่ดีสามารถเสริมพื้นผิว สีสัน และความน่าดึงดูดโดยรวมของอาหารได้ แสงธรรมชาติมักเป็นที่นิยม แต่แสงประดิษฐ์ก็สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
- แสงธรรมชาติ: จัดวางอาหารของคุณใกล้หน้าต่างเพื่อใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติ หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงซึ่งอาจสร้างเงาที่แข็งกระด้าง ใช้แผ่นกระจายแสง (diffuser) (เช่น ผ้าขาวบางๆ หรือกระดาษลอกลาย) เพื่อทำให้แสงนุ่มนวลลง
- แสงประดิษฐ์: หากไม่มีแสงธรรมชาติ ให้ใช้แหล่งกำเนิดแสงประดิษฐ์ เช่น ซอฟต์บ็อกซ์ (softbox) หรือไฟ LED ทดลองกับมุมและความเข้มต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
- แสงย้อน (Backlighting): แสงย้อนสามารถสร้างเอฟเฟกต์ที่น่าทึ่งและสะดุดตา โดยเน้นให้เห็นไอน้ำหรือควันที่ลอยขึ้นมาจากอาหาร
- แสงด้านข้าง (Sidelighting): แสงด้านข้างเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการถ่ายภาพอาหาร เนื่องจากช่วยเน้นพื้นผิวและสร้างมิติความลึก
- แผ่นสะท้อนแสง (Reflectors): ใช้แผ่นสะท้อนแสง (เช่น แผ่นโฟมสีขาวหรือแผ่นสะท้อนแสงสีเงิน) เพื่อสะท้อนแสงกลับไปยังอาหารและลบเงา
ตัวอย่าง: เมื่อถ่ายภาพซุปหนึ่งถ้วย ให้วางไว้ใกล้หน้าต่างที่มีแสงแดดส่องทางอ้อม ใช้แผ่นสะท้อนแสงเพื่อสะท้อนแสงกลับไปยังซุปและเน้นให้เห็นไอน้ำ ปรับมุมและความเข้มของแสงเพื่อสร้างอารมณ์และบรรยากาศที่ต้องการ
เทรนด์การจัดสไตล์ภาพถ่ายอาหารระดับโลก
การจัดสไตล์ภาพถ่ายอาหารมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับอิทธิพลจากเทรนด์ระดับโลกและการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม การติดตามเทรนด์เหล่านี้อยู่เสมอจะช่วยให้คุณสร้างสรรค์ภาพที่โดนใจผู้ชมยุคใหม่ได้
1. ความสมจริงและไม่ปรุงแต่ง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีความต้องการภาพถ่ายอาหารที่สมจริงและไม่ปรุงแต่งเพิ่มมากขึ้น ผู้ชมเบื่อหน่ายกับภาพที่จัดฉากและดูประดิษฐ์มากเกินไป พวกเขาต้องการเห็นอาหารจริงๆ ที่เตรียมและนำเสนออย่างเป็นธรรมชาติและจริงใจ เทรนด์นี้แข็งแกร่งเป็นพิเศษในวัฒนธรรมที่ให้คุณค่ากับความสมจริงและการทำอาหารที่บ้าน
- ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ: อย่ากลัวที่จะแสดงความไม่สมบูรณ์แบบในอาหารของคุณ การตกแต่งที่เบี้ยวเล็กน้อยหรือเศษขนมปังที่ร่วงหล่นสามารถเพิ่มเอกลักษณ์และความสมจริงได้
- มุ่งเน้นไปที่กระบวนการ: จับภาพกระบวนการทำอาหารและการเตรียมอาหาร แสดงให้เห็นวัตถุดิบ เครื่องมือ และมือที่สร้างสรรค์เมนูนั้นขึ้นมา
- การจัดสไตล์แบบมินิมอล: จัดสไตล์ให้เรียบง่ายและน้อยที่สุด ปล่อยให้อาหารพูดด้วยตัวของมันเอง
ตัวอย่าง: แทนที่จะจัดแพนเค้กซ้อนกันอย่างพิถีพิถัน เพียงแค่ราดด้วยเมเปิ้ลไซรัปและโรยด้วยเบอร์รี่ ปล่อยให้ไซรัปหยดลงมาอย่างเป็นธรรมชาติและไม่ต้องกังวลว่าแพนเค้กจะไม่กลมเท่ากันทุกชิ้น
2. ความยั่งยืนและจริยธรรม
ด้วยความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคม ทำให้มีความต้องการภาพถ่ายอาหารที่ยั่งยืนและมีจริยธรรมเพิ่มขึ้น ผู้ชมต้องการเห็นภาพที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการจัดหาและการบริโภคอาหารอย่างมีความรับผิดชอบ
- นำเสนอวัตถุดิบท้องถิ่นและตามฤดูกาล: เน้นวัตถุดิบท้องถิ่นและตามฤดูกาลในภาพถ่ายอาหารของคุณ สิ่งนี้ส่งเสริมความยั่งยืนและสนับสนุนเกษตรกรและผู้ผลิตในท้องถิ่น
- ลดขยะอาหาร: หลีกเลี่ยงการตักอาหารในปริมาณที่มากเกินไปและนำเสนอวิธีลดขยะอาหาร
- การจัดหาอย่างมีจริยธรรม: เลือกวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ที่มาจากแหล่งที่มีจริยธรรม
- เน้นแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน: นำเสนอแนวทางการทำอาหารและการทำฟาร์มที่ยั่งยืนในภาพของคุณ
ตัวอย่าง: ถ่ายภาพอาหารที่ทำจากผักที่ปลูกในท้องถิ่นและเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงอย่างมีจริยธรรม เน้นให้เห็นถึงเกษตรกรและผู้ผลิตที่เป็นผู้จัดหาวัตถุดิบ
3. สีสันและพื้นผิวที่โดดเด่น
ในขณะที่สไตล์ที่สมจริงและมินิมอลกำลังเป็นที่นิยม สีสันและพื้นผิวที่โดดเด่นก็กำลังกลับมาเป็นที่นิยมเช่นกัน เทรนด์นี้แพร่หลายเป็นพิเศษในภาพถ่ายอาหารที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ชมที่อายุน้อยและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
- ทดลองกับสีสัน: ใช้สีสันสดใสเพื่อสร้างภาพที่สะดุดตา ผสมผสานสีที่ตัดกันหรือสร้างชุดสีแบบโมโนโครม
- เปิดรับพื้นผิว: นำเสนอพื้นผิวที่หลากหลายในภาพถ่ายอาหารของคุณ ผสมผสานพื้นผิวที่เรียบเนียนแบบครีมกับพื้นผิวที่กรุบกรอบ
- ใช้พร็อพที่โดดเด่น: นำพร็อพที่มีสีสันและโดดเด่นมาใช้ในการจัดสไตล์ของคุณ
ตัวอย่าง: ถ่ายภาพสมูทตี้โบวล์สีสันสดใสที่ท็อปด้วยผลไม้ เมล็ดพืช และถั่วหลากสีสัน ใช้พื้นหลังและพร็อพที่สดใสเพื่อสร้างภาพที่ดูสนุกสนานและมีพลัง
เคล็ดลับในการสร้างสรรค์ภาพถ่ายอาหารที่น่ารับประทาน
นี่คือเคล็ดลับเพิ่มเติมที่จะช่วยให้คุณสร้างสรรค์ภาพถ่ายอาหารที่น่ารับประทานซึ่งดึงดูดผู้ชมทั่วโลก:
- ลงทุนในอุปกรณ์ที่ดี: กล้องและเลนส์คุณภาพสูงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการถ่ายภาพอาหารที่คมชัดและมีรายละเอียด
- ฝึกฝนศิลปะแห่งองค์ประกอบภาพ: เรียนรู้กฎขององค์ประกอบภาพและใช้มันเพื่อสร้างภาพที่น่าดึงดูดสายตา
- ใส่ใจในรายละเอียด: ใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่การจัดจานไปจนถึงการจัดแสงและพร็อพ
- ทดลองกับสไตล์ที่แตกต่าง: อย่ากลัวที่จะทดลองกับสไตล์และเทคนิคที่แตกต่างกัน ค้นหาสิ่งที่เหมาะกับคุณและแบรนด์ของคุณที่สุด
- ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ: ยิ่งคุณฝึกฝนมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเก่งในการจัดสไตล์ภาพถ่ายอาหารมากขึ้นเท่านั้น
- ใช้วัตถุดิบสดใหม่: วัตถุดิบสดใหม่จะดูดีในภาพถ่ายมากกว่าวัตถุดิบที่เหี่ยวเฉาหรือเก่า
- พิจารณาฤดูกาล: ถ่ายภาพอาหารที่อยู่ในฤดูกาลเพื่อให้ได้ลุคที่สดใหม่และน่าดึงดูดยิ่งขึ้น
- แก้ไขภาพของคุณอย่างระมัดระวัง: ใช้ซอฟต์แวร์แก้ไขภาพเพื่อปรับปรุงสีสัน พื้นผิว และรูปลักษณ์โดยรวมของภาพ แต่หลีกเลี่ยงการแก้ไขมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ภาพของคุณดูไม่เป็นธรรมชาติ
- เรียนรู้จากมืออาชีพ: ศึกษาผลงานของช่างภาพและสไตลิสต์อาหารที่ประสบความสำเร็จ วิเคราะห์เทคนิคของพวกเขาและพยายามนำมาปรับใช้กับงานของคุณเอง
- เล่าเรื่องราว: ใช้ภาพถ่ายอาหารของคุณเพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอาหาร วัฒนธรรม และผู้คนที่สร้างสรรค์มันขึ้นมา
ข้อควรพิจารณาด้านกฎหมายและจริยธรรม
เมื่อทำงานกับการถ่ายภาพอาหาร สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงข้อพิจารณาด้านกฎหมายและจริยธรรม ซึ่งรวมถึง:
- ลิขสิทธิ์: เคารพกฎหมายลิขสิทธิ์เมื่อใช้ภาพหรือสูตรอาหารที่สร้างโดยผู้อื่น ขออนุญาตเสมอก่อนที่จะใช้วัสดุที่มีลิขสิทธิ์
- ความจริงในการโฆษณา: ซื่อสัตย์และโปร่งใสในการถ่ายภาพอาหารของคุณ หลีกเลี่ยงการใช้กลอุบายหรือเทคนิคที่บิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับอาหารหรือส่วนผสมของมัน
- ความปลอดภัยของอาหาร: คำนึงถึงแนวทางความปลอดภัยของอาหารเมื่อจัดการและเตรียมอาหารสำหรับการถ่ายภาพ หลีกเลี่ยงการใช้วัตถุดิบที่หมดอายุหรือปนเปื้อน
- ความอ่อนไหวทางวัฒนธรรม: เคารพวัฒนธรรมและประเพณีการทำอาหารที่แตกต่างกัน หลีกเลี่ยงการใช้ภาพเหมารวมหรือแสดงความคิดเห็นในเชิงดูถูกเกี่ยวกับอาหารจากประเทศอื่น
- สารก่อภูมิแพ้: เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสารก่อภูมิแพ้ที่อาจมีอยู่ในภาพถ่ายอาหารของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณกำลังแบ่งปันสูตรอาหาร
บทสรุป
การจัดสไตล์ภาพถ่ายอาหารเป็นศิลปะที่ซับซ้อนและมีหลายมิติ ด้วยการฝึกฝนเทคนิคที่จำเป็นให้เชี่ยวชาญ การทำความเข้าใจเทรนด์ระดับโลก และการยึดมั่นในแนวทางจริยธรรม คุณสามารถสร้างสรรค์ภาพที่น่ารับประทานซึ่งโดนใจผู้ชมจากนานาชาติได้ อย่าลืมทดลอง ฝึกฝน และมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ โลกของการถ่ายภาพอาหารมีการพัฒนาอยู่เสมอและมีสิ่งใหม่ๆ ให้เรียนรู้อยู่เสมอ