สำรวจโลกของการรู้จำอักขระด้วยแสง (OCR) การใช้งาน เทคโนโลยี และผลกระทบในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการสกัดข้อความ ความแม่นยำ และแนวโน้มในอนาคต
การรู้จำอักขระด้วยแสง (OCR): คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับการสกัดข้อความ
ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในปัจจุบัน ความสามารถในการสกัดข้อความจากรูปภาพและเอกสารอย่างมีประสิทธิภาพมีความสำคัญมากกว่าที่เคย เทคโนโลยีการรู้จำอักขระด้วยแสง (OCR) เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถทำสิ่งนั้นได้ โดยเปลี่ยนเอกสารที่สแกน, PDF และรูปภาพให้เป็นข้อความที่สามารถแก้ไขและค้นหาได้ คู่มือฉบับสมบูรณ์นี้จะสำรวจหลักการ การใช้งาน เทคโนโลยี และแนวโน้มในอนาคตของ OCR ซึ่งนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าสำหรับทั้งธุรกิจและบุคคลทั่วไป
การรู้จำอักขระด้วยแสง (OCR) คืออะไร?
การรู้จำอักขระด้วยแสง (OCR) คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถ "มองเห็น" ข้อความในรูปภาพและเอกสารได้ เป็นกระบวนการแปลงรูปภาพของข้อความที่พิมพ์ เขียนด้วยลายมือ หรือพิมพ์ดีดให้เป็นข้อมูลข้อความที่เครื่องสามารถอ่านได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหา แก้ไข และประมวลผลข้อความในรูปแบบดิจิทัลได้ โดยพื้นฐานแล้ว OCR เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกทางกายภาพและโลกดิจิทัล
ประวัติของ OCR
แนวคิดของ OCR ย้อนกลับไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ความพยายามในยุคแรกเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์เครื่องกลที่ออกแบบมาเพื่อจดจำอักขระ การพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ได้พัฒนาความสามารถของ OCR อย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบัน ด้วยการถือกำเนิดของปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิง ทำให้ OCR มีความแม่นยำ มีประสิทธิภาพ และใช้งานได้หลากหลายกว่าที่เคยเป็นมา
OCR ทำงานอย่างไร: กระบวนการทีละขั้นตอน
กระบวนการของ OCR โดยทั่วไปประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญหลายขั้นตอน:
- การรับภาพ (Image Acquisition): กระบวนการเริ่มต้นด้วยการจับภาพของเอกสารหรือข้อความที่จะประมวลผล ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้สแกนเนอร์ กล้อง หรืออุปกรณ์ถ่ายภาพอื่นๆ
- การประมวลผลเบื้องต้น (Pre-processing): รูปภาพที่จับมาจะผ่านการประมวลผลเบื้องต้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพและเตรียมพร้อมสำหรับการรู้จำอักขระ ซึ่งอาจรวมถึงขั้นตอนต่างๆ เช่น การลดสัญญาณรบกวน (noise reduction) การปรับคอนทราสต์ การแก้ไขความเอียง (การทำให้ภาพตรง) และการแปลงเป็นภาพขาวดำ (binarization)
- การแบ่งส่วน (Segmentation): รูปภาพที่ประมวลผลเบื้องต้นแล้วจะถูกแบ่งออกเป็นอักขระหรือคำแต่ละตัว ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการระบุและแยกอักขระแต่ละตัวเพื่อการวิเคราะห์ต่อไป
- การสกัดคุณลักษณะ (Feature Extraction): สำหรับอักขระแต่ละตัว จะมีการสกัดคุณลักษณะที่เกี่ยวข้องออกมา คุณลักษณะเหล่านี้อาจรวมถึงเส้น เส้นโค้ง และวงที่ทำให้อักขระหนึ่งแตกต่างจากอักขระอื่น
- การรู้จำอักขระ (Character Recognition): คุณลักษณะที่สกัดออกมาจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลของอักขระที่รู้จักโดยใช้อัลกอริทึมต่างๆ เช่น การจับคู่รูปแบบ (pattern matching) การวิเคราะห์คุณลักษณะ หรือโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง ระบบจะระบุอักขระที่ตรงกับคุณลักษณะที่สกัดออกมาได้ดีที่สุด
- การประมวลผลภายหลัง (Post-processing): หลังจากการรู้จำอักขระ จะมีการใช้เทคนิคการประมวลผลภายหลังเพื่อปรับปรุงความแม่นยำและความสามารถในการอ่านของข้อความที่สกัดออกมา ซึ่งอาจรวมถึงการตรวจสอบการสะกดคำ การแก้ไขไวยากรณ์ และการวิเคราะห์บริบทเพื่อแก้ไขความกำกวมและข้อผิดพลาดต่างๆ
ประเภทของเทคโนโลยี OCR
มีเทคโนโลยี OCR หลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีจุดแข็งและจุดอ่อนแตกต่างกันไป ประเภทที่พบบ่อยที่สุดบางส่วน ได้แก่:
- การจับคู่แม่แบบ (Template Matching): นี่เป็นหนึ่งในเทคนิค OCR ที่เก่าแก่ที่สุด โดยที่อักขระแต่ละตัวจะถูกเปรียบเทียบกับแม่แบบที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เป็นวิธีที่ค่อนข้างง่าย แต่มีประสิทธิภาพน้อยเมื่อเจอกับความแปรปรวนของฟอนต์ ขนาด หรือคุณภาพของภาพ
- การสกัดคุณลักษณะ (Feature Extraction): วิธีนี้จะระบุคุณลักษณะสำคัญของอักขระแต่ละตัว เช่น เส้น เส้นโค้ง และจุดตัด และใช้คุณลักษณะเหล่านี้ในการจำแนกอักขระ มีความทนทานกว่าการจับคู่แม่แบบ แต่ก็ยังอาจมีปัญหากับฟอนต์ที่ซับซ้อนหรือภาพที่มีสัญญาณรบกวนมาก
- การรู้จำฟอนต์ด้วยแสง (Optical Font Recognition): เทคโนโลยีนี้ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อจดจำอักขระตามประเภทของฟอนต์ โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับสไตล์ฟอนต์ต่างๆ เพื่อปรับปรุงความแม่นยำ
- การรู้จำอักขระอัจฉริยะ (ICR): ICR ใช้เพื่อจดจำอักขระที่เขียนด้วยลายมือ โดยใช้อัลกอริทึมขั้นสูงและเทคนิคแมชชีนเลิร์นนิงเพื่อถอดรหัสความแปรปรวนและความไม่สอดคล้องกันของลายมือ
- การรู้จำคำอัจฉริยะ (IWR): IWR มุ่งเน้นไปที่การจดจำทั้งคำแทนที่จะเป็นอักขระแต่ละตัว วิธีการนี้สามารถใช้ข้อมูลบริบทเพื่อปรับปรุงความแม่นยำได้ โดยเฉพาะในกรณีที่อักขระแต่ละตัวมีรูปแบบที่ไม่ชัดเจน
- OCR ที่ใช้แมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning-based OCR): ระบบ OCR สมัยใหม่พึ่งพาแมชชีนเลิร์นนิงมากขึ้น โดยเฉพาะเทคนิคดีปเลิร์นนิง โมเดลเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนจากชุดข้อมูลรูปภาพและข้อความขนาดใหญ่เพื่อเรียนรู้รูปแบบและปรับปรุงความแม่นยำในการจดจำอย่างมีนัยสำคัญ
การประยุกต์ใช้ OCR ในอุตสาหกรรมต่างๆ
OCR มีการใช้งานที่หลากหลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นการปฏิวัติกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพ นี่คือตัวอย่างที่โดดเด่นบางส่วน:
- การดูแลสุขภาพ: OCR ใช้เพื่อสกัดข้อมูลจากเวชระเบียน ใบเคลมประกัน และแบบฟอร์มผู้ป่วย ช่วยให้งานธุรการมีความคล่องตัวและปรับปรุงความถูกต้องของข้อมูล ตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลในสิงคโปร์กำลังใช้ OCR เพื่อแปลงเวชระเบียนผู้ป่วยให้เป็นดิจิทัล ลดพื้นที่จัดเก็บและปรับปรุงการเข้าถึงสำหรับบุคลากรทางการแพทย์
- การเงิน: สถาบันการเงินใช้ OCR เพื่อประมวลผลเช็ค ใบแจ้งหนี้ และใบแจ้งยอดจากธนาคาร ทำให้การป้อนข้อมูลเป็นไปโดยอัตโนมัติและลดข้อผิดพลาดจากการทำงานด้วยมือ ธนาคารในเยอรมนีใช้ OCR อย่างกว้างขวางสำหรับการประมวลผลใบแจ้งหนี้อัตโนมัติ
- กฎหมาย: OCR ช่วยให้ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมายสามารถแปลงและจัดระเบียบแฟ้มคดี สัญญา และเอกสารทางกฎหมายอื่นๆ ให้เป็นดิจิทัล ทำให้สามารถค้นหาและเข้าถึงได้ง่าย สำนักงานกฎหมายในสหราชอาณาจักรใช้ OCR เพื่อจัดการและค้นหาเอกสารจำนวนมาก
- ภาครัฐ: หน่วยงานราชการใช้ OCR เพื่อประมวลผลใบสมัคร แบบฟอร์มภาษี และเอกสารราชการอื่นๆ ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและลดเวลาในการประมวลผล การไปรษณีย์สหรัฐฯ (US Postal Service) ใช้ OCR เพื่อคัดแยกจดหมายโดยการอ่านที่อยู่โดยอัตโนมัติ
- การศึกษา: OCR ช่วยในการแปลงตำราเรียนและสื่อการสอนอื่นๆ ให้เป็นรูปแบบดิจิทัล ทำให้ผู้พิการสามารถเข้าถึงได้และอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ออนไลน์ มหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วโลกใช้ OCR เพื่อสร้างสื่อการเรียนการสอนเวอร์ชันที่เข้าถึงได้สำหรับนักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
- การผลิต: OCR ใช้เพื่ออ่านฉลาก หมายเลขซีเรียล และข้อมูลระบุอื่นๆ บนผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ เพื่อสนับสนุนการจัดการสินค้าคงคลังและการควบคุมคุณภาพ โรงงานผลิตในจีนใช้ OCR สำหรับการติดตามชิ้นส่วนและรับประกันการตรวจสอบย้อนกลับของผลิตภัณฑ์
- โลจิสติกส์และการขนส่ง: OCR ถูกนำมาใช้เพื่ออ่านฉลากการจัดส่ง ใบแจ้งหนี้ และเอกสารการจัดส่ง ทำให้การติดตามเป็นไปโดยอัตโนมัติและปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน บริษัทโลจิสติกส์ในยุโรปใช้ประโยชน์จาก OCR เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวางแผนเส้นทางและตารางการจัดส่ง
- ห้องสมุดและการจัดเก็บเอกสาร: OCR ช่วยให้ห้องสมุดและหอจดหมายเหตุสามารถแปลงหนังสือ ต้นฉบับ และเอกสารทางประวัติศาสตร์ให้เป็นดิจิทัล เพื่ออนุรักษ์ไว้สำหรับคนรุ่นหลังและทำให้เข้าถึงได้ในวงกว้าง หอสมุดรัฐสภาอเมริกัน (The Library of Congress) กำลังดำเนินการแปลงคอลเลกชันให้เป็นดิจิทัลโดยใช้เทคโนโลยี OCR อย่างแข็งขัน
- การป้อนข้อมูลอัตโนมัติ: ในทุกอุตสาหกรรม OCR ช่วยให้การป้อนข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดการใช้แรงงานคน ลดข้อผิดพลาด และเร่งกระบวนการทางธุรกิจ
ประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยี OCR
การใช้เทคโนโลยี OCR มีประโยชน์มากมายสำหรับองค์กรทุกขนาด:
- เพิ่มประสิทธิภาพ: ทำให้การป้อนข้อมูลและการประมวลผลเอกสารเป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดการใช้แรงงานคนและเร่งขั้นตอนการทำงาน
- ปรับปรุงความแม่นยำ: ลดข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับการป้อนข้อมูลด้วยมือ ทำให้มั่นใจในความสมบูรณ์ของข้อมูล
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: ลดต้นทุนด้านแรงงาน การใช้กระดาษ และค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ
- เพิ่มการเข้าถึง: ทำให้เอกสารและข้อมูลสามารถเข้าถึงได้โดยกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น รวมถึงผู้พิการ
- การจัดการข้อมูลที่ดีขึ้น: อำนวยความสะดวกในการจัดเก็บ การเรียกใช้ และการวิเคราะห์ข้อมูลที่ง่ายขึ้น
- ปรับปรุงความปลอดภัย: แปลงเอกสารที่ละเอียดอ่อนให้เป็นดิจิทัลอย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงของการสูญหายหรือการโจรกรรม
- ความสามารถในการขยายขนาด: ปรับให้เข้ากับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงและปริมาณเอกสารที่เพิ่มขึ้นได้อย่างง่ายดาย
- ความได้เปรียบในการแข่งขัน: ช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
ความท้าทายและข้อจำกัดของ OCR
แม้ว่า OCR จะมีข้อดีที่สำคัญ แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการเช่นกัน:
- ปัญหาด้านความแม่นยำ: ความแม่นยำของ OCR อาจได้รับผลกระทบจากคุณภาพของภาพที่ไม่ดี ฟอนต์ที่ซับซ้อน ความหลากหลายของลายมือ และเอกสารที่เสียหาย
- การสนับสนุนภาษา: ระบบ OCR บางระบบอาจไม่รองรับทุกภาษาหรือชุดอักขระ ซึ่งจำกัดการใช้งานในบางภูมิภาค ตัวอย่างเช่น ระบบรุ่นเก่าอาจมีปัญหากับภาษาอย่างภาษาอาหรับหรือภาษาจีน
- ค่าใช้จ่าย: การติดตั้งและบำรุงรักษาระบบ OCR อาจมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะโซลูชันขั้นสูงที่มีความแม่นยำสูงและรองรับภาษาที่หลากหลาย
- ความซับซ้อน: การผสานรวม OCR เข้ากับเวิร์กโฟลว์และระบบที่มีอยู่เดิมอาจมีความซับซ้อน ต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและการวางแผนอย่างรอบคอบ
- การรู้จำลายมือ: แม้ว่า ICR จะได้รับการปรับปรุงแล้ว แต่การรู้จำลายมืออย่างแม่นยำยังคงเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะกับสไตล์ลายมือที่แตกต่างกัน
- เค้าโครงเอกสาร: เค้าโครงเอกสารที่ซับซ้อนซึ่งมีหลายคอลัมน์ ตาราง และรูปภาพ อาจเป็นเรื่องยากสำหรับระบบ OCR ที่จะตีความได้อย่างแม่นยำ
- ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: การแปลงเอกสารเป็นดิจิทัลอาจสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัยได้หากข้อมูลที่ละเอียดอ่อนไม่ได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม
การเลือกซอฟต์แวร์ OCR ที่เหมาะสม
การเลือกซอฟต์แวร์ OCR ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด พิจารณาปัจจัยต่อไปนี้เมื่อประเมินโซลูชัน OCR ต่างๆ:
- ความแม่นยำ: มองหาซอฟต์แวร์ที่มีอัตราความแม่นยำสูง โดยเฉพาะสำหรับประเภทเอกสารที่คุณต้องการประมวลผล
- การสนับสนุนภาษา: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์รองรับภาษาและชุดอักขระที่คุณต้องการ
- คุณสมบัติ: พิจารณาคุณสมบัติต่างๆ เช่น การประมวลผลเป็นชุด (batch processing), การประมวลผลภาพเบื้องต้น, Zonal OCR (การสกัดข้อมูลจากพื้นที่เฉพาะของเอกสาร) และตัวเลือกรูปแบบไฟล์เอาต์พุต
- การผสานรวม: เลือกซอฟต์แวร์ที่สามารถผสานรวมเข้ากับระบบและเวิร์กโฟลว์ที่มีอยู่ของคุณได้อย่างราบรื่น
- ความสามารถในการขยายขนาด: เลือกโซลูชันที่สามารถปรับขนาดเพื่อตอบสนองความต้องการในการประมวลผลเอกสารที่เพิ่มขึ้นของคุณได้
- ราคา: เปรียบเทียบรูปแบบราคาและเลือกโซลูชันที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ ซอฟต์แวร์บางตัวมีรูปแบบการสมัครสมาชิก ในขณะที่บางตัวมีตัวเลือกการซื้อครั้งเดียว
- ความง่ายในการใช้งาน: เลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและคุณสมบัติที่เข้าใจง่าย
- การสนับสนุนลูกค้า: มองหาผู้ให้บริการที่ให้การสนับสนุนลูกค้าที่เชื่อถือได้และมีแหล่งข้อมูลการฝึกอบรม
- ความปลอดภัย: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์มีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
ตัวเลือกซอฟต์แวร์ OCR ยอดนิยมบางส่วน ได้แก่:
- Adobe Acrobat Pro DC: โซลูชัน PDF ที่ครอบคลุมพร้อมความสามารถ OCR ที่แข็งแกร่ง
- ABBYY FineReader PDF: ซอฟต์แวร์ OCR เฉพาะทางที่รู้จักกันดีในด้านความแม่นยำและคุณสมบัติขั้นสูง
- Tesseract OCR: เอ็นจิ้น OCR แบบโอเพนซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและสามารถปรับแต่งได้สูง
- Google Cloud Vision API: บริการ OCR บนคลาวด์ที่ให้ความแม่นยำและความสามารถในการปรับขนาดสูง
- Microsoft Azure Computer Vision: บริการ OCR บนคลาวด์อีกหนึ่งตัวที่มีคุณสมบัติทรงพลังและความสามารถในการผสานรวม
แนวโน้มในอนาคตของเทคโนโลยี OCR
เทคโนโลยี OCR กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิง แนวโน้มสำคัญในอนาคตบางส่วน ได้แก่:
- ความแม่นยำที่เพิ่มขึ้น: อัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิงจะยังคงปรับปรุงความแม่นยำของ OCR ต่อไป แม้จะเจอกับฟอนต์ที่ซับซ้อน ลายมือ และภาพคุณภาพต่ำ
- การสนับสนุนภาษาที่ดียิ่งขึ้น: ระบบ OCR จะรองรับภาษาและชุดอักขระมากขึ้น ทำให้ใช้งานได้หลากหลายและเข้าถึงได้ทั่วโลก
- การผสานรวมกับ AI และระบบอัตโนมัติ: OCR จะถูกผสานรวมกับเทคโนโลยี AI อื่นๆ มากขึ้น เช่น การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และการทำงานอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ (RPA) เพื่อสร้างโซลูชันอัตโนมัติแบบครบวงจร
- OCR บนคลาวด์: บริการ OCR บนคลาวด์จะแพร่หลายมากขึ้น โดยให้ความสามารถในการปรับขนาด การเข้าถึง และความคุ้มค่า
- OCR บนมือถือ: แอป OCR บนมือถือจะได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้สามารถสกัดข้อความจากรูปภาพโดยใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้อย่างง่ายดาย
- OCR แบบเรียลไทม์: OCR แบบเรียลไทม์จะถูกนำมาใช้ในแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น ความเป็นจริงเสริม (AR) และยานยนต์ไร้คนขับ ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถจดจำข้อความในสภาพแวดล้อมได้ทันที
- ความเข้าใจเอกสารที่ขับเคลื่อนด้วย AI: OCR จะพัฒนาไปสู่ความเข้าใจเอกสารที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้ระบบไม่เพียงแต่สกัดข้อความได้เท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าใจความหมายและบริบทของข้อมูลได้อีกด้วย
สรุป
การรู้จำอักขระด้วยแสง (OCR) เป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงโลกซึ่งช่วยให้องค์กรและบุคคลทั่วไปสามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างโลกทางกายภาพและโลกดิจิทัลได้ ด้วยการแปลงรูปภาพและเอกสารให้เป็นข้อความที่สามารถแก้ไขและค้นหาได้ OCR ช่วยให้เวิร์กโฟลว์คล่องตัวขึ้น ปรับปรุงความถูกต้องของข้อมูล และเพิ่มการเข้าถึง ในขณะที่เทคโนโลยี OCR ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยได้รับแรงหนุนจากความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิง มันจะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการกำหนดอนาคตของการจัดการข้อมูลและระบบอัตโนมัติ การนำเทคโนโลยี OCR มาใช้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ปรับปรุงประสิทธิภาพ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในปัจจุบัน ตั้งแต่การดูแลสุขภาพไปจนถึงการเงิน การศึกษาไปจนถึงการผลิต การประยุกต์ใช้ OCR นั้นกว้างขวางและศักยภาพของมันก็ไร้ขีดจำกัด การลงทุนในเทคโนโลยี OCR คือการลงทุนในอนาคตที่มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และเข้าถึงได้มากขึ้น