สำรวจการเดินเรือเชิงลึก ครอบคลุมประวัติศาสตร์ วิธีการ เทคโนโลยี และแนวโน้มอนาคตสำหรับชาวเรือทั่วโลก
การเดินทางในท้องทะเล: คู่มือฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับการเดินเรือ
การเดินเรือ ซึ่งเป็นศาสตร์และศิลป์ในการนำพาเรือจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการค้า การสำรวจ และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมของโลกมานานนับพันปี ตั้งแต่ชาวเรือยุคแรกที่ใช้วิธีการพื้นฐานไปจนถึงกัปตันเรือในยุคปัจจุบันที่พึ่งพาระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อน หลักการของการเดินเรือได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คู่มือนี้จะให้ภาพรวมที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการเดินเรือ โดยกล่าวถึงประวัติศาสตร์ เทคนิค เทคโนโลยี และแนวโน้มในอนาคต
ประวัติโดยย่อของการเดินเรือ
ประวัติศาสตร์ของการเดินเรือมีความเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับประวัติศาสตร์ของอารยธรรมมนุษย์ ชาวเรือในยุคแรกซึ่งขาดเครื่องมือที่ซับซ้อน อาศัยการสังเกตการณ์ที่เฉียบแหลม ความรู้ในท้องถิ่น และสัญญาณจากดวงดาวบนท้องฟ้าเพื่อหาเส้นทาง
- การเดินเรือในยุคโบราณ: รูปแบบแรกสุดของการเดินเรือเกี่ยวข้องกับการเดินเรือเลียบชายฝั่ง โดยใช้จุดสังเกตบนบกและความรู้เกี่ยวกับกระแสน้ำและน้ำขึ้นน้ำลงเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น ชาวโพลินีเชียนเป็นนักเดินเรือระดับปรมาจารย์ที่ตั้งรกรากในดินแดนอันกว้างใหญ่ของมหาสมุทรแปซิฟิกโดยใช้ความรู้ที่ซับซ้อนเกี่ยวกับรูปแบบของคลื่น ตำแหน่งของดวงดาว และเส้นทางการบินของนก พวกเขาสร้างเรือแคนูที่ซับซ้อนและถ่ายทอดความรู้ด้านการเดินเรือแบบปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่น
- การพัฒนาเครื่องมือ: การประดิษฐ์เข็มทิศในประเทศจีนและการนำไปใช้ในยุโรปในเวลาต่อมาได้ปฏิวัติการเดินเรือ ช่วยให้ลูกเรือสามารถกำหนดทิศทางได้โดยไม่คำนึงถึงสภาพอากาศ เครื่องแอสโตรแลบและเซกซ์แทนต์ซึ่งพัฒนาโดยนักวิชาการชาวกรีกและอาหรับ ช่วยให้ลูกเรือสามารถวัดมุมระหว่างวัตถุท้องฟ้ากับเส้นขอบฟ้า ทำให้สามารถกำหนดละติจูดได้
- ยุคแห่งการสำรวจ: ศตวรรษที่ 15 และ 16 เป็นช่วงเวลาของการสำรวจทางทะเลที่เฟื่องฟูอย่างมาก โดยมีแรงผลักดันจากความต้องการเส้นทางการค้าและทรัพยากรใหม่ๆ นักสำรวจอย่างคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส, วาสโก ดา กามา และเฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน ได้ใช้เทคนิคการเดินเรือล่าสุดเพื่อทำแผนที่ดินแดนใหม่และเดินทางรอบโลก การสร้างแผนที่และตารางเดินเรือที่แม่นยำจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
- การเดินเรือสมัยใหม่: ศตวรรษที่ 20 และ 21 ได้เห็นการปฏิวัติทางเทคโนโลยีในการเดินเรือ การพัฒนาระบบนำร่องด้วยวิทยุ เรดาร์ และระบบนำร่องด้วยดาวเทียมเช่น GPS และ GNSS ได้เปลี่ยนแปลงการเดินเรือทะเล ทำให้ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และแม่นยำยิ่งขึ้น แผนที่อิเล็กทรอนิกส์และระบบแสดงตนอัตโนมัติ (AIS) ได้เพิ่มความตระหนักในสถานการณ์และการหลีกเลี่ยงการชนกันให้ดียิ่งขึ้น
วิธีการที่จำเป็นในการเดินเรือ
การเดินเรือครอบคลุมวิธีการที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละวิธีก็มีจุดแข็งและข้อจำกัดในตัวเอง การทำความเข้าใจวิธีการเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นชาวเรือ
1. การนำร่อง (Piloting)
การนำร่อง หรือที่เรียกว่าการเดินเรือชายฝั่ง เกี่ยวข้องกับการนำทางเรือในระยะที่มองเห็นฝั่งหรือโดยใช้เครื่องหมายช่วยในการเดินเรือแบบคงที่ เช่น ทุ่น เรือนไฟ และจุดสังเกตบนบก ซึ่งต้องใช้แผนที่ที่แม่นยำ ความรู้เกี่ยวกับสภาพท้องถิ่น และความสามารถในการระบุและตีความสัญญาณภาพ
เทคนิคสำคัญ:
- การทำแผนที่เดินเรือ (Chartwork): พื้นฐานของการนำร่องคือแผนที่เดินเรือ ซึ่งเป็นแผนที่พิเศษที่แสดงความลึกของน้ำ อันตรายในการเดินเรือ เครื่องหมายช่วยในการเดินเรือ และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ชาวเรือต้องมีความชำนาญในการตีความแผนที่ การลงเส้นทาง และการกำหนดตำแหน่งของตนเองโดยใช้เทคนิคต่างๆ
- การหาที่เรือ (Position Fixing): การกำหนดตำแหน่งของเรือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินเรืออย่างปลอดภัย สามารถทำได้โดยการวัดแบริ่งไปยังจุดสังเกตบนบกหรือเครื่องหมายช่วยในการเดินเรือที่รู้จักโดยใช้เข็มทิศหรือพีโลรัส นอกจากนี้ยังสามารถใช้เรดาร์เพื่อกำหนดระยะทางและแบริ่งของเป้าหมายได้อีกด้วย
- การเดินเรือโดยประมาณ (Dead Reckoning - DR): DR เป็นวิธีการประมาณตำแหน่งของเรือโดยอาศัยเส้นทาง ความเร็ว และเวลาที่ผ่านไปนับจากตำแหน่งที่ทราบล่าสุด สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ลม กระแสน้ำ และการดрейฟ (leeway) (การเคลื่อนที่ไปด้านข้างที่เกิดจากลม)
ตัวอย่าง: เรือที่กำลังเข้าใกล้ท่าเรือรอตเตอร์ดัมใช้เรดาร์เพื่อระบุทุ่นที่ทำเครื่องหมายร่องน้ำทางเข้า โดยการวัดแบริ่งไปยังทุ่นเหล่านี้และลงจุดบนแผนที่ นายประจำเรือสามารถกำหนดตำแหน่งของเรือได้อย่างแม่นยำและอยู่ในร่องน้ำที่กำหนดไว้
2. การเดินเรือดาราศาสตร์ (Celestial Navigation)
การเดินเรือดาราศาสตร์เกี่ยวข้องกับการกำหนดตำแหน่งของเรือโดยการวัดมุมระหว่างวัตถุท้องฟ้า (ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ดาวเคราะห์) กับเส้นขอบฟ้าโดยใช้เซกซ์แทนต์ แม้ว่าจะไม่เป็นที่นิยมในยุคปัจจุบันเนื่องจากมีระบบนำร่องอิเล็กทรอนิกส์ แต่การเดินเรือดาราศาสตร์ยังคงเป็นทักษะที่มีค่าสำหรับชาวเรือ เนื่องจากเป็นวิธีการกำหนดตำแหน่งที่เป็นอิสระในกรณีที่อุปกรณ์ขัดข้องหรือสัญญาณ GPS ถูกปฏิเสธ
แนวคิดหลัก:
- ทรงกลมท้องฟ้า (Celestial Sphere): การเดินเรือดาราศาสตร์อาศัยแนวคิดของทรงกลมท้องฟ้า ซึ่งเป็นทรงกลมในจินตนาการที่ล้อมรอบโลก และวัตถุท้องฟ้าต่างๆ ปรากฏอยู่บนนั้น
- มุมเงยและมุมทิศ (Altitude and Azimuth): มุมเงยของวัตถุท้องฟ้าคือความสูงเชิงมุมเหนือเส้นขอบฟ้า ในขณะที่มุมทิศคือทิศทางของวัตถุนั้นเทียบกับทิศเหนือจริง
- มุมชั่วโมงกรีนิช (GHA) และเดคลิเนชัน (Declination): พิกัดเหล่านี้ใช้อธิบายตำแหน่งของวัตถุท้องฟ้าเทียบกับเส้นเมริเดียนกรีนิชและเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า
- การคำนวณหาที่เรือ (Sight Reduction): คือกระบวนการใช้ตารางเดินเรือและสูตรต่างๆ เพื่อคำนวณตำแหน่งของเรือโดยอาศัยการสังเกตการณ์ด้วยเซกซ์แทนต์และเวลา
ตัวอย่าง: เรือยอชต์ที่กำลังข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกใช้เซกซ์แทนต์เพื่อวัดมุมเงยของดวงอาทิตย์ ณ เวลาเที่ยงวันของท้องถิ่น โดยการเปรียบเทียบการวัดนี้กับมุมเงยที่คาดการณ์ไว้ของดวงอาทิตย์สำหรับวันและเวลานั้นๆ นักเดินเรือสามารถกำหนดละติจูดของเรือยอชต์ได้
3. การเดินเรืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Navigation)
ระบบนำร่องอิเล็กทรอนิกส์ได้ปฏิวัติการเดินเรือ โดยให้ข้อมูลตำแหน่งที่แม่นยำและเชื่อถือได้โดยไม่คำนึงถึงสภาพอากาศหรือทัศนวิสัย ระบบนำร่องอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุด ได้แก่ GPS และ GNSS
ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (GPS): GPS เป็นระบบนำร่องด้วยดาวเทียมที่ใช้เครือข่ายดาวเทียมที่โคจรรอบโลกเพื่อกำหนดตำแหน่งที่แม่นยำของผู้ใช้ เครื่องรับ GPS จะคำนวณตำแหน่งของตนโดยการวัดเวลาที่สัญญาณจากดาวเทียมหลายดวงใช้ในการเดินทางมาถึงเครื่องรับ
ระบบดาวเทียมนำร่องโลก (GNSS): GNSS เป็นคำที่กว้างกว่าซึ่งครอบคลุม GPS และระบบนำร่องด้วยดาวเทียมอื่นๆ เช่น GLONASS (รัสเซีย), Galileo (ยุโรป) และ BeiDou (จีน) เครื่องรับ GNSS สามารถใช้สัญญาณจากระบบดาวเทียมหลายระบบเพื่อเพิ่มความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ
ระบบแสดงแผนที่อิเล็กทรอนิกส์และข้อมูล (ECDIS): ECDIS เป็นระบบนำร่องด้วยคอมพิวเตอร์ที่รวมแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูล GPS ข้อมูลเรดาร์ และข้อมูลจากเซ็นเซอร์อื่นๆ เพื่อแสดงผลตำแหน่งและสภาพแวดล้อมของเรือแบบเรียลไทม์ ระบบ ECDIS ช่วยเพิ่มความตระหนักในสถานการณ์ ปรับปรุงความปลอดภัย และลดภาระงานของนักเดินเรือ
ตัวอย่าง: เรือคอนเทนเนอร์ที่เดินทางผ่านช่องแคบอังกฤษอาศัย GPS เพื่อรักษาตำแหน่งภายในแผนแบ่งแนวจราจร ระบบ ECDIS จะแสดงตำแหน่งของเรือบนแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ พร้อมด้วยข้อมูลเกี่ยวกับเรือลำอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง เครื่องหมายช่วยในการเดินเรือ และอันตรายในการเดินเรือ
เทคโนโลยีที่จำเป็นในการเดินเรือ
การเดินเรือสมัยใหม่ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่หลากหลายเพื่อให้แน่ใจว่าการเดินเรือมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
1. เรดาร์ (Radar)
เรดาร์ (Radio Detection and Ranging) เป็นระบบที่ใช้คลื่นวิทยุเพื่อตรวจจับและระบุตำแหน่งของวัตถุ เรดาร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินเรือในสภาพทัศนวิสัยที่ไม่ดี เช่น หมอกหรือความมืด และสำหรับการตรวจจับเรือลำอื่น แผ่นดิน และอันตรายในการเดินเรือ ระบบเรดาร์สมัยใหม่สามารถแสดงเป้าหมายบนหน้าจอ พร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง แบริ่ง และการเคลื่อนที่ของเป้าหมาย
2. ระบบแสดงตนอัตโนมัติ (AIS)
AIS เป็นระบบติดตามอัตโนมัติที่ใช้วิทยุ VHF เพื่อส่งข้อมูลเกี่ยวกับเอกลักษณ์ ตำแหน่ง เส้นทาง ความเร็ว และข้อมูลการเดินเรืออื่นๆ ของเรือไปยังเรือลำอื่นและหน่วยงานบนฝั่ง AIS ช่วยเพิ่มความตระหนักในสถานการณ์ ปรับปรุงการหลีกเลี่ยงการชน และอำนวยความสะดวกในการค้นหาและกู้ภัย
3. แผนที่อิเล็กทรอนิกส์
แผนที่อิเล็กทรอนิกส์เป็นภาพแทนดิจิทัลของแผนที่เดินเรือที่สามารถแสดงบนระบบ ECDIS หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ แผนที่อิเล็กทรอนิกส์มีข้อดีหลายประการเหนือกว่าแผนที่กระดาษแบบดั้งเดิม รวมถึงการอัปเดตแบบเรียลไทม์ ความแม่นยำที่ดีขึ้น และความสามารถในการแสดงผลที่ดียิ่งขึ้น
4. เครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทาง (VDR)
VDR ซึ่งมักเรียกว่า "กล่องดำ" เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่บันทึกข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ บนเรือ รวมถึงเรดาร์, AIS, GPS, ไจโรคอมแพส และเสียงจากสะพานเดินเรือ ข้อมูลจาก VDR สามารถนำมาใช้ในการสืบสวนอุบัติเหตุ ปรับปรุงขั้นตอนความปลอดภัย และฝึกอบรมบุคลากรได้
การวางแผนการเดินทาง: กุญแจสู่การเดินเรือที่ปลอดภัย
การวางแผนการเดินทางคือกระบวนการพัฒนาแผนการเดินทางโดยละเอียด โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น สภาพอากาศ อันตรายในการเดินเรือ ความหนาแน่นของการจราจร และกฎข้อบังคับของท่าเรือ แผนการเดินทางที่ดำเนินการอย่างดีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเดินเรือที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนสำคัญในการวางแผนการเดินทาง:
- การเลือกเส้นทาง: การเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพอากาศ อันตรายในการเดินเรือ และความหนาแน่นของการจราจร
- การเตรียมแผนที่: การตรวจสอบให้แน่ใจว่าแผนที่และเอกสารสิ่งพิมพ์ที่จำเป็นทั้งหมดเป็นปัจจุบันและพร้อมใช้งาน
- การพยากรณ์อากาศ: การรับและวิเคราะห์พยากรณ์อากาศเพื่อคาดการณ์อันตรายที่อาจเกิดขึ้นและปรับเปลี่ยนเส้นทางตามความเหมาะสม
- การคาดการณ์น้ำขึ้นน้ำลง: การคำนวณความสูงของน้ำและกระแสน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการเกยตื้นหรืออันตรายอื่นๆ
- การวางแผนฉุกเฉิน: การพัฒนาแผนฉุกเฉินเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น เช่น อุปกรณ์ขัดข้องหรือสภาพอากาศเลวร้าย
ตัวอย่าง: กัปตันที่วางแผนการเดินทางจากสิงคโปร์ไปยังซิดนีย์จะตรวจสอบพยากรณ์อากาศ การคาดการณ์น้ำขึ้นน้ำลง และแผนที่เดินเรือเพื่อระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น พายุไซโคลน แนวปะการัง และกระแสน้ำที่รุนแรง กัปตันยังต้องพิจารณาแผนแบ่งแนวจราจรและกฎข้อบังคับของท่าเรือเพื่อให้แน่ใจว่าการเดินทางจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ข้อบังคับระหว่างประเทศและมาตรฐานความปลอดภัย
การเดินเรืออยู่ภายใต้ชุดข้อบังคับและมาตรฐานความปลอดภัยระหว่างประเทศที่ซับซ้อน ซึ่งออกแบบมาเพื่อรับรองความปลอดภัยของชีวิตในทะเลและปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเล
1. องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO)
IMO เป็นหน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบในการพัฒนาและบังคับใช้ข้อบังคับทางทะเลระหว่างประเทศ อนุสัญญาที่สำคัญที่สุดของ IMO ได้แก่ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (SOLAS) และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ (MARPOL)
2. มาตรฐานการฝึกอบรม การออกประกาศนียบัตร และการเข้ายามสำหรับคนประจำเรือ (STCW)
อนุสัญญา STCW กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการฝึกอบรม การออกประกาศนียบัตร และการเข้ายามของคนประจำเรือ อนุสัญญา STCW ได้รับการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอเพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด
3. COLREGS (กฎข้อบังคับระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันเรือโดนกันในทะเล)
COLREGS หรือที่รู้จักกันในชื่อ "กฎจราจรทางทะเล" เป็นชุดข้อบังคับระหว่างประเทศที่ควบคุมการปฏิบัติของเรือในทะเลเพื่อป้องกันการชนกัน คนประจำเรือทุกคนต้องมีความคุ้นเคยกับ COLREGS เป็นอย่างดี
อนาคตของการเดินเรือ
การเดินเรือมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงผลักดันจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการค้าโลก แนวโน้มสำคัญบางประการที่กำลังกำหนดอนาคตของการเดินเรือ ได้แก่:
- การเดินเรืออัตโนมัติ: การพัฒนาเรืออัตโนมัติที่สามารถนำทางและปฏิบัติการได้โดยไม่มีการแทรกแซงจากมนุษย์ เป็นหนึ่งในแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงวงการการเดินเรือมากที่สุด เรืออัตโนมัติมีแนวโน้มที่จะช่วยลดต้นทุน ปรับปรุงความปลอดภัย และเพิ่มประสิทธิภาพ
- การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง: ความพร้อมใช้งานของข้อมูลที่เพิ่มขึ้นจากเซ็นเซอร์ ดาวเทียม และแหล่งอื่นๆ กำลังเอื้อต่อการพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงที่สามารถปรับปรุงการวางแผนการเดินทาง เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง และคาดการณ์ความล้มเหลวของอุปกรณ์ได้
- ความปลอดภัยทางไซเบอร์: ในขณะที่ระบบการเดินเรือมีการเชื่อมต่อและพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น ความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงกลายเป็นข้อกังวลที่เพิ่มขึ้น การปกป้องระบบนำร่องจากการโจมตีทางไซเบอร์เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของเรือและท่าเรือ
- เทคโนโลยีความจริงเสริม (AR): เทคโนโลยี AR กำลังถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์แก่คนประจำเรือเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของพวกเขา เช่น ตำแหน่งของเรือลำอื่น อันตรายในการเดินเรือ และสิ่งอำนวยความสะดวกในท่าเรือ AR สามารถเพิ่มความตระหนักในสถานการณ์และปรับปรุงการตัดสินใจได้
ตัวอย่าง: การทดลองกำลังดำเนินการเพื่อทดสอบเรือบรรทุกสินค้าอัตโนมัติบนเส้นทางการค้าที่จัดตั้งขึ้น เรือเหล่านี้ใช้เซ็นเซอร์ขั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ และการสื่อสารผ่านดาวเทียมเพื่อนำทางอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เป้าหมายคือเพื่อลดความผิดพลาดของมนุษย์ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง และปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของการขนส่งทางทะเล
บทสรุป
การเดินเรือเป็นสาขาที่ซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ตั้งแต่ชาวเรือยุคแรกที่นำทางด้วยดวงดาวไปจนถึงกัปตันเรือในยุคปัจจุบันที่พึ่งพาระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อน หลักการของการเดินเรือยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือการนำพาเรือจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ด้วยการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ วิธีการ เทคโนโลยี และข้อบังคับที่ควบคุมการเดินเรือ คนประจำเรือสามารถมีส่วนร่วมในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการค้าและการสำรวจทั่วโลกได้