คู่มือฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับการคาดการณ์และวิเคราะห์เทรนด์แฟชั่น ครอบคลุมวิธีการ ผู้มีบทบาทสำคัญ และข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงเพื่อทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากเทรนด์แฟชั่นระดับโลก
เทรนด์แฟชั่น: การคาดการณ์และวิเคราะห์สไตล์สำหรับผู้ชมทั่วโลก
อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นวงการที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา การทำความเข้าใจเทรนด์ที่กำลังจะมาถึงจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักออกแบบ ผู้ค้าปลีก นักการตลาด และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์หรือจำหน่ายแฟชั่น คู่มือฉบับสมบูรณ์นี้จะสำรวจโลกแห่งการคาดการณ์และวิเคราะห์เทรนด์แฟชั่น โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีการ ผู้มีบทบาทสำคัญ และกลยุทธ์ที่นำไปปฏิบัติได้จริงเพื่อนำทางตลาดแฟชั่นระดับโลก
การคาดการณ์เทรนด์แฟชั่นคืออะไร?
การคาดการณ์เทรนด์แฟชั่นคือกระบวนการทำนายสไตล์และแนวโน้มในอนาคตโดยอาศัยข้อมูลจากหลายแหล่ง ได้แก่:
- การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม: การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางสังคม เหตุการณ์ทางการเมือง และความเคลื่อนไหวทางศิลปะที่ส่งผลต่อความชอบของผู้บริโภค
- ปัจจัยทางเศรษฐกิจ: การพิจารณาผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจต่อกำลังซื้อและพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค
- ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี: การประเมินว่านวัตกรรมต่างๆ เช่น การพิมพ์ 3 มิติ, AI และความเป็นจริงเสมือน (VR) กำลังกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่างไร
- พฤติกรรมผู้บริโภค: การศึกษาข้อมูลผู้บริโภค เทรนด์บนโซเชียลมีเดีย และวัฒนธรรมย่อยที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อระบุสิ่งที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายต่างๆ
- รันเวย์โชว์: การสังเกตคอลเลกชันของดีไซเนอร์และสไตล์ใหม่ๆ ที่จัดแสดงในช่วงสัปดาห์แฟชั่นทั่วโลก (ปารีส มิลาน นิวยอร์ก ลอนดอน โตเกียว เป็นต้น)
- สตรีทสไตล์: การเก็บภาพเทรนด์แฟชั่นในชีวิตจริงและการแสดงออกถึงสไตล์ส่วนตัวในสภาพแวดล้อมเมืองทั่วโลก
- เทรนด์ในอดีต: การวิเคราะห์วงจรแฟชั่นในอดีตและสไตล์ที่กลับมาเป็นที่นิยมเพื่อระบุการฟื้นคืนหรือการปรับใช้ที่อาจเกิดขึ้น
เป้าหมายของการคาดการณ์เทรนด์คือการคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภค ลดความเสี่ยง และสร้างผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับตลาดเป้าหมาย ไม่ใช่การทำนายอนาคตอย่างแม่นยำ แต่เป็นการระบุสถานการณ์ที่เป็นไปได้และปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกัน
เหตุใดการคาดการณ์เทรนด์แฟชั่นจึงมีความสำคัญ?
การคาดการณ์เทรนด์แฟชั่นที่มีประสิทธิภาพให้ประโยชน์มากมาย:
- การตัดสินใจอย่างมีข้อมูล: ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในกลยุทธ์การออกแบบ การจัดหา การผลิต และการตลาด
- ลดความเสี่ยง: ลดความเสี่ยงในการลงทุนกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่โดนใจผู้บริโภค
- ความได้เปรียบทางการแข่งขัน: ช่วยให้ธุรกิจก้าวนำหน้าและใช้ประโยชน์จากเทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่
- เพิ่มความคิดสร้างสรรค์: สร้างแรงบันดาลใจให้นักออกแบบและนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการสำรวจแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ
- ปรับปรุงการจัดการสินค้าคงคลัง: ช่วยให้ผู้ค้าปลีกปรับระดับสินค้าคงคลังให้เหมาะสมและลดการลดราคาสินค้า
- เพิ่มผลกำไร: ขับเคลื่อนยอดขายและรายได้โดยการทำให้ผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
ผู้มีบทบาทสำคัญในการคาดการณ์เทรนด์แฟชั่น
มีองค์กรและบุคคลหลากหลายที่เข้ามามีส่วนร่วมในระบบนิเวศของการคาดการณ์เทรนด์แฟชั่น:- บริษัทคาดการณ์เทรนด์: บริษัทที่เชี่ยวชาญในการจัดทำรายงานเทรนด์ การวิเคราะห์ข้อมูล และบริการให้คำปรึกษา ตัวอย่างเช่น WGSN, Trendalytics, Promostyl, Peclers Paris และ Fashion Snoops
- นิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์ด้านแฟชั่น: สื่อสิ่งพิมพ์ทรงอิทธิพล เช่น Vogue, Harper's Bazaar, Elle และ WWD (Women's Wear Daily) มักนำเสนอรายงานและการวิเคราะห์เทรนด์
- แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย: แพลตฟอร์มอย่าง Instagram, TikTok, Pinterest และ YouTube เป็นแหล่งข้อมูลเทรนด์แบบเรียลไทม์และข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคที่สำคัญ
- บล็อกเกอร์และอินฟลูเอนเซอร์ด้านแฟชั่น: บุคคลที่แบ่งปันสไตล์และความคิดเห็นส่วนตัวทางออนไลน์ ซึ่งมักจะสร้างความชอบของผู้บริโภคและขับเคลื่อนการยอมรับเทรนด์
- บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล: บริษัทที่ใช้การทำเหมืองข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคและระบุเทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่
- ผู้ค้าปลีกและแบรนด์: ผู้ค้าปลีกและแบรนด์ขนาดใหญ่หลายแห่งมีทีมคาดการณ์เทรนด์ภายในองค์กรเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกิจกรรมทางการตลาด ตัวอย่างเช่น H&M และ Zara มีทีมที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ
- มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัย: สถาบันการศึกษาที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นและพฤติกรรมผู้บริโภค
วิธีการที่ใช้ในการคาดการณ์เทรนด์แฟชั่น
นักคาดการณ์เทรนด์ใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อระบุและวิเคราะห์เทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่:- การวิจัยเชิงคุณภาพ: เกี่ยวข้องกับการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกผ่านการสัมภาษณ์ กลุ่มสนทนา การศึกษาชาติพันธุ์วรรณนา และความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
- การวิจัยเชิงปริมาณ: ใช้การวิเคราะห์ทางสถิติ การทำเหมืองข้อมูล และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อระบุรูปแบบและแนวโน้มในข้อมูลผู้บริโภค
- การจับตาเทรนด์: การสังเกตสตรีทสไตล์ รันเวย์โชว์ โซเชียลมีเดีย และกิจกรรมทางวัฒนธรรมเพื่อระบุสไตล์และเทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่
- การวิจัยตลาด: การวิเคราะห์ข้อมูลการขาย การสำรวจผู้บริโภค และกิจกรรมของคู่แข่งเพื่อทำความเข้าใจพลวัตของตลาด
- การวิเคราะห์ความรู้สึก: การใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) เพื่อวิเคราะห์ความคิดเห็นและทัศนคติของผู้บริโภคต่อเทรนด์แฟชั่นต่างๆ
- การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์: การใช้แบบจำลองทางสถิติและอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อทำนายแนวโน้มในอนาคตโดยอิงจากข้อมูลในอดีต
- วิธีเดลฟี: เทคนิคการสื่อสารที่มีโครงสร้างซึ่งเกี่ยวข้องกับการรวบรวมความคิดเห็นจากคณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคต
การวิเคราะห์วงจรแฟชั่น
วงจรแฟชั่นหมายถึงวงจรชีวิตของเทรนด์ ตั้งแต่การเกิดขึ้นครั้งแรกจนถึงการเสื่อมความนิยมในที่สุด การทำความเข้าใจวงจรแฟชั่นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการคาดการณ์เทรนด์อย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนทั่วไปของวงจรแฟชั่นประกอบด้วย:
- การแนะนำ: สไตล์หรือเทรนด์ใหม่เกิดขึ้น ซึ่งมักมีต้นกำเนิดจากรันเวย์หรือในวัฒนธรรมย่อยเฉพาะกลุ่ม
- การเติบโต: เทรนด์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและถูกนำไปใช้โดยกลุ่มผู้นำเทรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ด้านแฟชั่น
- จุดสูงสุด: เทรนด์ได้รับความนิยมสูงสุดและถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางโดยตลาดกระแสหลัก
- การเสื่อมความนิยม: เทรนด์เริ่มสูญเสียความนิยมเมื่อผู้บริโภคหันไปหาสไตล์ใหม่ๆ
- ความล้าสมัย: เทรนด์จางหายไปจากวงการแฟชั่นและไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป
ความยาวของวงจรแฟชั่นอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเทรนด์ สภาพตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภค บางเทรนด์อาจอยู่ได้หลายฤดูกาล ในขณะที่บางเทรนด์อาจเป็นเพียงกระแสที่เกิดขึ้นชั่วครู่ แฟชั่นแบบเร็ว (Fast fashion) ช่วยเร่งวงจรแฟชั่นให้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น เทรนด์สีที่จางหายไปอย่างรวดเร็วหรือการกลับมาของสไตล์วินเทจ
ข้อควรพิจารณาระดับโลกในการคาดการณ์เทรนด์แฟชั่น
เทรนด์แฟชั่นกำลังเป็นสากลมากขึ้น แต่ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความชอบในระดับภูมิภาคยังคงมีบทบาทสำคัญ เมื่อคาดการณ์เทรนด์สำหรับผู้ชมทั่วโลก จำเป็นต้องพิจารณา:
- ความแตกต่างทางวัฒนธรรม: การทำความเข้าใจค่านิยม ประเพณี และความเชื่อทางวัฒนธรรมที่ส่งผลต่อการเลือกเสื้อผ้า ตัวอย่างเช่น แฟชั่นแบบเรียบง่าย (modest fashion) เป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตในหลายส่วนของโลก
- สภาพภูมิอากาศและภูมิศาสตร์: การพิจารณาผลกระทบของสภาพอากาศและปัจจัยทางภูมิศาสตร์ต่อความชอบด้านเสื้อผ้า แฟชั่นฤดูหนาวในสแกนดิเนเวียแตกต่างอย่างมากจากแฟชั่นฤดูหนาวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ภาวะเศรษฐกิจ: การวิเคราะห์ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคในภูมิภาคต่างๆ
- ปัจจัยทางการเมืองและสังคม: การทำความเข้าใจผลกระทบของเหตุการณ์ทางการเมือง ความเคลื่อนไหวทางสังคม และข้อพิจารณาทางจริยธรรมต่อเทรนด์แฟชั่น การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคทั่วโลก แต่แสดงออกแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค
- เทรนด์ระดับภูมิภาค: การระบุเทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่ในภูมิภาคเฉพาะและปรับให้เข้ากับตลาดโลก ตัวอย่างเช่น เทรนด์ความงามแบบเกาหลี (K-beauty) ได้รับความนิยมทั่วโลก
- ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ในท้องถิ่น: การทำความเข้าใจความสามารถและข้อจำกัดของผู้ผลิตและซัพพลายเออร์ในท้องถิ่นในภูมิภาคต่างๆ
เครื่องมือและแหล่งข้อมูลสำหรับการคาดการณ์เทรนด์แฟชั่น
มีเครื่องมือและแหล่งข้อมูลหลากหลายที่ช่วยในการคาดการณ์เทรนด์แฟชั่น:
- แพลตฟอร์มคาดการณ์เทรนด์: WGSN, Trendalytics, Edited และแพลตฟอร์มอื่นๆ นำเสนอรายงานเทรนด์ การวิเคราะห์ข้อมูล และแรงบันดาลใจทางภาพ
- เครื่องมือวิเคราะห์โซเชียลมีเดีย: เครื่องมืออย่าง Sprout Social, Hootsuite และ Brandwatch สามารถใช้ติดตามเทรนด์บนโซเชียลมีเดียและวิเคราะห์ความรู้สึกของผู้บริโภค
- ซอฟต์แวร์จดจำรูปภาพ: เครื่องมืออย่าง Google Lens และ Pinterest Lens สามารถใช้ระบุและวิเคราะห์เทรนด์ทางภาพ
- เครื่องมือแสดงภาพข้อมูล: เครื่องมืออย่าง Tableau และ Power BI สามารถใช้สร้างภาพข้อมูลและแดชบอร์ดเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเทรนด์แฟชั่น
- สื่อสิ่งพิมพ์และเว็บไซต์ในอุตสาหกรรม: WWD, Business of Fashion และสื่อสิ่งพิมพ์ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นและการพัฒนาตลาด
- งานแสดงสินค้าแฟชั่น: งานอีเวนต์อย่าง Première Vision และ Pitti Uomo เปิดโอกาสให้ค้นพบวัสดุ เทคโนโลยี และเทรนด์ใหม่ๆ
- งานวิจัยทางวิชาการ: วารสารและสิ่งพิมพ์ในสาขาแฟชั่นศึกษาและสาขาที่เกี่ยวข้องนำเสนอข้อมูลเชิงลึกทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาเทรนด์
ตัวอย่างเทรนด์แฟชั่นระดับโลกในปัจจุบันและที่กำลังเกิดขึ้น
นี่คือตัวอย่างบางส่วนของเทรนด์แฟชั่นในปัจจุบันและที่กำลังเกิดขึ้นซึ่งมีความเกี่ยวข้องในระดับโลก:
- ความยั่งยืนและแฟชั่นเชิงจริยธรรม: ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นสำหรับวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แนวทางการผลิตอย่างมีจริยธรรม และห่วงโซ่อุปทานที่โปร่งใส เทรนด์นี้กำลังส่งผลให้แบรนด์ต่างๆ ทั่วโลกนำแนวทางปฏิบัติทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบมากขึ้นมาใช้
- ความสบายและสไตล์แอธลีเชอร์: ความนิยมอย่างต่อเนื่องของเสื้อผ้าที่สวมใส่สบายและใช้งานได้หลากหลาย ทำให้เส้นแบ่งระหว่างชุดออกกำลังกายและชุดประจำวันเลือนลางไป
- ความหลากหลายและการยอมรับในรูปร่าง: การให้ความสำคัญกับการนำเสนอรูปร่างที่หลากหลายและส่งเสริมความครอบคลุมในวงการแฟชั่น
- แฟชั่นดิจิทัลและอวาตาร์เสมือน: การเกิดขึ้นของเสื้อผ้าและเครื่องประดับดิจิทัลสำหรับอวาตาร์เสมือนและประสบการณ์ออนไลน์ แบรนด์ต่างๆ กำลังทดลองกับ NFT และไอเท็มแฟชั่นเสมือนจริง
- แฟชั่นที่ไม่จำกัดเพศ: การเคลื่อนไหวไปสู่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงโดยเฉพาะ
- เครื่องประดับชิ้นเด่น: เครื่องประดับที่โดดเด่นและสะดุดตา เช่น เครื่องประดับขนาดใหญ่ กระเป๋าดีไซน์เด่น และผ้าพันคอสีสันสดใส
- ความคิดถึงอดีตและสไตล์เรโทร: การฟื้นคืนของเทรนด์แฟชั่นจากทศวรรษที่ผ่านมา เช่น ยุค 1970, 1990 และต้นยุค 2000
- การปรับแต่งเฉพาะบุคคล: ผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์แฟชั่นที่สามารถปรับแต่งให้เข้ากับตัวเองได้มากขึ้น
- แฟชั่นที่ผสมผสานเทคโนโลยี: เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่รวมเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน เช่น ผ้าอัจฉริยะ เซ็นเซอร์สวมใส่ได้ และจอแสดงผลแบบโต้ตอบ
ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงเพื่อใช้ประโยชน์จากเทรนด์แฟชั่น
นี่คือข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้เพื่อใช้ประโยชน์จากเทรนด์แฟชั่นในธุรกิจของคุณ:
- ติดตามข้อมูลข่าวสาร: ติดตามเทรนด์แฟชั่นและการพัฒนาในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องผ่านแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
- รู้จักกลุ่มเป้าหมายของคุณ: ทำความเข้าใจความชอบ ความต้องการ และแรงบันดาลใจของกลุ่มเป้าหมายของคุณ
- ปรับตัวและสร้างสรรค์สิ่งใหม่: อย่ากลัวที่จะปรับเทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่ให้เข้ากับสุนทรียภาพของแบรนด์ของคุณ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และสไตล์ใหม่ๆ
- ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์: ร่วมมือกับบล็อกเกอร์และอินฟลูเอนเซอร์ด้านแฟชั่นเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณและเข้าถึงผู้ชมที่กว้างขึ้น
- ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล: ใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคและปรับปรุงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ทางการตลาดของคุณ
- โอบรับความยั่งยืน: ให้ความสำคัญกับแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนและมีจริยธรรมในห่วงโซ่อุปทานและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของคุณ
- ทดสอบและเรียนรู้: ทดลองกับเทรนด์และสไตล์ใหม่ๆ และรวบรวมคำติชมจากลูกค้าของคุณ
- มีความคล่องตัว: เตรียมพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็วต่อความชอบของผู้บริโภคและสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
อนาคตของการคาดการณ์เทรนด์แฟชั่น
อนาคตของการคาดการณ์เทรนด์แฟชั่นจะถูกกำหนดโดยปัจจัยหลายประการ:
- ปัญญาประดิษฐ์ (AI): AI จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการวิเคราะห์ข้อมูล การทำนายเทรนด์ และการปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าให้เป็นส่วนตัว
- ความเป็นจริงเสมือน (VR) และความเป็นจริงเสริม (AR): VR และ AR จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าแฟชั่นและโต้ตอบกับแบรนด์
- การพิมพ์ 3 มิติและการผลิตตามความต้องการ: การพิมพ์ 3 มิติและการผลิตตามความต้องการจะช่วยให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์รวดเร็วยิ่งขึ้นและการปรับแต่งที่มากขึ้น
- เทคโนโลยีบล็อกเชน: บล็อกเชนจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและการตรวจสอบย้อนกลับในห่วงโซ่อุปทานแฟชั่น
- การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น: ความยั่งยืนจะกลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมแฟชั่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะขับเคลื่อนนวัตกรรมและรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ
- ประสบการณ์การช็อปปิ้งส่วนบุคคล: ผู้บริโภคจะคาดหวังประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ปรับให้เหมาะกับความชอบและความต้องการส่วนบุคคลของตนเองอย่างสูง
- เมตาเวิร์ส: แฟชั่นจะมีอยู่ในเมตาเวิร์สมากขึ้น โดยเสื้อผ้า เครื่องประดับ และอวาตาร์เสมือนจริงจะกลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น
บทสรุป
การคาดการณ์เทรนด์แฟชั่นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภค ด้วยการใช้วิธีการ เครื่องมือ และแหล่งข้อมูลที่ระบุไว้ในคู่มือนี้ นักออกแบบ ผู้ค้าปลีก และนักการตลาดสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและสร้างผลิตภัณฑ์ที่โดนใจผู้ชมทั่วโลก การติดตามข้อมูลข่าวสาร การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง และการยอมรับนวัตกรรมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จในโลกแฟชั่นที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา