สำรวจขีดความสามารถของ ARCore และ ARKit แพลตฟอร์ม Augmented Reality ชั้นนำ และเรียนรู้ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั่วโลกอย่างไร
ปลดปล่อยพลัง Augmented Reality: เจาะลึก ARCore และ ARKit
Augmented Reality (AR) หรือความเป็นจริงเสริม กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากแนวคิดแห่งอนาคตสู่เทคโนโลยีที่จับต้องได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก ผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้คือ ARCore ของ Google และ ARKit ของ Apple ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) ชั้นนำที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ AR ที่สมจริงและโต้ตอบได้บนอุปกรณ์ Android และ iOS ตามลำดับ คู่มือฉบับสมบูรณ์นี้จะสำรวจขีดความสามารถ ฟีเจอร์ และการประยุกต์ใช้ ARCore และ ARKit เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับนักพัฒนา ธุรกิจ และทุกคนที่สนใจในอนาคตของ AR
Augmented Reality คืออะไร?
Augmented Reality คือการซ้อนทับข้อมูลดิจิทัลลงบนโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อเพิ่มการรับรู้และการโต้ตอบกับสภาพแวดล้อมของเรา ซึ่งแตกต่างจาก Virtual Reality (VR) ที่สร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงขึ้นมาทั้งหมด AR ผสมผสานองค์ประกอบเสมือนเข้ากับสภาพแวดล้อมทางกายภาพของผู้ใช้ได้อย่างลงตัวผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแว่นตาอัจฉริยะ สิ่งนี้ทำให้ AR เข้าถึงได้ง่ายและนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์ ตั้งแต่เกมและความบันเทิงไปจนถึงการศึกษาและการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม
ARCore: แพลตฟอร์ม Augmented Reality ของ Google
ARCore คือแพลตฟอร์มของ Google สำหรับการสร้างประสบการณ์ Augmented Reality ช่วยให้อุปกรณ์ Android สามารถเข้าใจสภาพแวดล้อมและโต้ตอบกับข้อมูลในนั้นได้ ARCore ใช้เทคโนโลยีหลักสามประการ:
- การติดตามการเคลื่อนไหว (Motion Tracking): การทำความเข้าใจตำแหน่งของโทรศัพท์เมื่อเทียบกับโลกภายนอก ซึ่งทำได้โดยใช้เทคโนโลยี Simultaneous Localization and Mapping (SLAM)
- การทำความเข้าใจสภาพแวดล้อม (Environmental Understanding): การตรวจจับขนาดและตำแหน่งของพื้นผิวเรียบ เช่น โต๊ะและพื้น ARCore ใช้การตรวจจับระนาบ (plane detection) เพื่อระบุพื้นผิวเหล่านี้
- การประเมินสภาพแสง (Light Estimation): การประเมินสภาพแสงปัจจุบันของสภาพแวดล้อม ซึ่งช่วยให้วัตถุ AR สามารถแสดงผลได้อย่างสมจริงและกลมกลืนกับโลกแห่งความเป็นจริง
ฟีเจอร์และความสามารถของ ARCore
ARCore นำเสนอฟีเจอร์และ API ที่หลากหลายซึ่งนักพัฒนาสามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างแอปพลิเคชัน AR ที่น่าสนใจ:
- การทำความเข้าใจฉาก (Scene Understanding): ARCore สามารถตรวจจับและทำความเข้าใจรูปทรงและข้อมูลเชิงความหมายของสภาพแวดล้อมได้ ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างประสบการณ์ AR ที่สมจริงและโต้ตอบได้มากขึ้น
- Augmented Faces: ARCore รองรับการติดตามและเรนเดอร์ใบหน้า ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างฟิลเตอร์ใบหน้า อวตาร AR และประสบการณ์ AR บนใบหน้าอื่นๆ ได้
- Cloud Anchors: Cloud Anchors ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์และคงประสบการณ์ AR ไว้ได้ในอุปกรณ์และสถานที่ต่างๆ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับแอปพลิเคชัน AR ที่ต้องทำงานร่วมกัน
- Persistent Cloud Anchors: ต่อยอดจาก Cloud Anchors โดย anchor แบบถาวรนี้ช่วยให้สามารถบันทึก anchor ได้เป็นระยะเวลานานขึ้น ทำให้สามารถวางเนื้อหาเสมือนจริงแบบถาวรซ้อนทับบนโลกแห่งความเป็นจริงได้
- Geospatial API: API นี้ออกแบบมาเพื่อวางวัตถุเสมือนจริงโดยใช้ข้อมูล GPS จากโลกจริงและข้อมูลภาพที่ได้จาก Google Street View Geospatial API ช่วยให้แอป AR ทราบตำแหน่งและทิศทางของอุปกรณ์
- ARCore Depth API: ฟีเจอร์นี้ใช้อัลกอริทึม depth-from-motion เพื่อสร้างแผนที่ความลึก (depth map) จากฟีดกล้อง RGB มาตรฐาน ซึ่งช่วยให้วัตถุเสมือนจริงสามารถโต้ตอบกับสภาพแวดล้อมได้อย่างสมจริง แม้กระทั่งการบดบังอยู่หลังวัตถุในโลกแห่งความเป็นจริง
กรณีการใช้งานและการประยุกต์ใช้ ARCore
ARCore ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมและแอปพลิเคชันต่างๆ มากมาย ได้แก่:
- เกมและความบันเทิง: เกม AR ที่ซ้อนทับตัวละครและสภาพแวดล้อมเสมือนจริงลงบนโลกแห่งความเป็นจริง สร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงและโต้ตอบได้
- ค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ: แอป AR ที่ให้ลูกค้าลองสวมเสื้อผ้าเสมือนจริง ดูตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน หรือดูผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ 3 มิติก่อนตัดสินใจซื้อ ตัวอย่างเช่น แอป IKEA Place ให้ผู้ใช้วางเฟอร์นิเจอร์ของ IKEA ในบ้านของตนเองแบบเสมือนจริง
- การศึกษาและการฝึกอบรม: แอปพลิเคชัน AR ที่มอบประสบการณ์การเรียนรู้เชิงโต้ตอบและน่าสนใจ เช่น โมเดล 3 มิติของโครงสร้างทางกายวิภาคหรือโบราณสถาน
- อุตสาหกรรมและการผลิต: เครื่องมือ AR ที่ช่วยช่างเทคนิคในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ ให้คำแนะนำทีละขั้นตอน และซ้อนทับข้อมูลที่สำคัญลงบนเครื่องจักร
- การนำทางและการค้นหาเส้นทาง: แอป AR ที่ซ้อนทับเส้นทางและจุดสนใจลงบนโลกแห่งความเป็นจริง ทำให้การเดินทางในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยง่ายขึ้น
ARKit: เฟรมเวิร์ก Augmented Reality ของ Apple
ARKit คือเฟรมเวิร์กของ Apple สำหรับการสร้างประสบการณ์ Augmented Reality บนอุปกรณ์ iOS เช่นเดียวกับ ARCore, ARKit ช่วยให้อุปกรณ์ iOS สามารถเข้าใจสภาพแวดล้อมและโต้ตอบกับข้อมูลในนั้นได้ ARKit ยังใช้เทคโนโลยีหลักที่คล้ายคลึงกัน ได้แก่:
- การติดตามการเคลื่อนไหว (Motion Tracking): เช่นเดียวกับ ARCore, ARKit ใช้ Visual Inertial Odometry (VIO) เพื่อติดตามตำแหน่งและทิศทางของอุปกรณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง
- การทำความเข้าใจสภาพแวดล้อม (Environmental Understanding): ARKit สามารถตรวจจับและทำความเข้าใจพื้นผิวเรียบ รวมถึงจดจำภาพและวัตถุได้
- การสร้างฉากขึ้นใหม่ (Scene Reconstruction): ARKit สามารถสร้างเมช (mesh) 3 มิติของสภาพแวดล้อมได้ ทำให้เกิดประสบการณ์ AR ที่สมจริงและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ฟีเจอร์และความสามารถของ ARKit
ARKit นำเสนอฟีเจอร์และ API ที่ครอบคลุมสำหรับนักพัฒนาเพื่อสร้างแอปพลิเคชัน AR คุณภาพสูง:
- การทำความเข้าใจฉาก (Scene Understanding): ARKit มีความสามารถในการทำความเข้าใจฉากที่แข็งแกร่ง รวมถึงการตรวจจับระนาบ การจดจำภาพ และการจดจำวัตถุ
- การบดบังโดยบุคคล (People Occlusion): ARKit สามารถตรวจจับและแบ่งส่วนบุคคลในฉากได้ ทำให้วัตถุเสมือนจริงสามารถบดบังอยู่ด้านหลังบุคคลได้อย่างสมจริง
- การจับการเคลื่อนไหว (Motion Capture): ARKit สามารถจับการเคลื่อนไหวของบุคคลในฉากได้ ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างอวตาร AR และประสบการณ์ AR ที่อิงตามการเคลื่อนไหวได้
- เซสชันการทำงานร่วมกัน (Collaborative Sessions): ARKit รองรับประสบการณ์ AR แบบทำงานร่วมกัน ทำให้ผู้ใช้หลายคนสามารถโต้ตอบกับเนื้อหา AR เดียวกันได้แบบเรียลไทม์
- RealityKit: เฟรมเวิร์กของ Apple สำหรับการสร้างประสบการณ์ AR 3 มิติ ซึ่งมี API แบบ declarative และการผสานรวมกับ Reality Composer สำหรับการสร้างและแก้ไขเนื้อหา AR
- การติดตามวัตถุ (Object Tracking): ARKit สามารถติดตามวัตถุในโลกแห่งความเป็นจริงได้ ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างประสบการณ์ AR ที่ยึดโยงกับวัตถุเฉพาะในสภาพแวดล้อมได้
- Location Anchors: ทำให้ประสบการณ์ AR สามารถผูกติดกับตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจงโดยใช้ข้อมูล GPS, Wi-Fi และเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างประสบการณ์ AR ตามตำแหน่งได้
กรณีการใช้งานและการประยุกต์ใช้ ARKit
ARKit ถูกนำไปใช้ในแอปพลิเคชันหลากหลายประเภท ได้แก่:
- เกมและความบันเทิง: เกม AR ที่ใช้ประโยชน์จากกล้องและเซ็นเซอร์ของ iPhone เพื่อสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงและโต้ตอบได้
- ค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ: แอป AR ที่ให้ลูกค้าลองสวมเสื้อผ้าเสมือนจริง ดูตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน หรือดูผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ 3 มิติก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น Sephora Virtual Artist ที่ให้ผู้ใช้ลองแต่งหน้าแบบเสมือนจริง
- การศึกษาและการฝึกอบรม: แอปพลิเคชัน AR ที่มอบประสบการณ์การเรียนรู้เชิงโต้ตอบและน่าสนใจ เช่น โมเดล 3 มิติของโครงสร้างทางกายวิภาคหรือโบราณวัตถุ
- การปรับปรุงบ้านและการออกแบบ: เครื่องมือ AR ที่ให้ผู้ใช้วาดภาพการปรับปรุง วางเฟอร์นิเจอร์ และวัดพื้นที่ในบ้านของตนเอง
- โซเชียลมีเดียและการสื่อสาร: ฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์ AR ที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับโพสต์บนโซเชียลมีเดียและวิดีโอคอล
ARCore vs. ARKit: การวิเคราะห์เปรียบเทียบ
แม้ว่า ARCore และ ARKit จะมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างประสบการณ์ Augmented Reality แต่ก็มีฟีเจอร์และความสามารถที่แตกต่างกัน นี่คือการวิเคราะห์เปรียบเทียบของทั้งสองแพลตฟอร์ม:
ฟีเจอร์ | ARCore | ARKit |
---|---|---|
การรองรับแพลตฟอร์ม | Android | iOS |
การทำความเข้าใจฉาก | การตรวจจับระนาบ, การจดจำภาพ, การจดจำวัตถุ | การตรวจจับระนาบ, การจดจำภาพ, การจดจำวัตถุ, การสร้างฉากขึ้นใหม่ |
การติดตามใบหน้า | Augmented Faces API | ความสามารถในการติดตามใบหน้าที่ติดตั้งมาใน ARKit |
Cloud Anchors | Cloud Anchors API | Collaborative Sessions (ฟังก์ชันคล้ายกัน) |
การติดตามวัตถุ | การรองรับจำกัด | ความสามารถในการติดตามวัตถุที่แข็งแกร่ง |
เครื่องมือพัฒนา | Android Studio, Unity, Unreal Engine | Xcode, Reality Composer, Unity, Unreal Engine |
การเข้าถึงแพลตฟอร์ม: ARCore ได้เปรียบจากส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกที่กว้างกว่าของ Android ทำให้สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ในวงกว้างกว่า ในทางกลับกัน ARKit ถูกจำกัดอยู่แค่ในระบบนิเวศของ Apple ซึ่งมักจะกระจุกตัวอยู่ในบางภูมิภาคและกลุ่มประชากรที่เฉพาะเจาะจง
การปรับให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์: ARKit ถูกผสานรวมเข้ากับฮาร์ดแวร์ของ Apple อย่างแน่นหนา ทำให้มีประสิทธิภาพที่ปรับให้เหมาะสมและสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น LiDAR บนอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ได้ ส่วน ARCore ต้องทำงานบนฮาร์ดแวร์ที่หลากหลายกว่า ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพและการรองรับฟีเจอร์แตกต่างกันไป
ระบบนิเวศและการสนับสนุน: ทั้งสองแพลตฟอร์มมีระบบนิเวศและการสนับสนุนนักพัฒนาที่แข็งแกร่ง มีชุมชนที่กระตือรือร้น เอกสารที่ครอบคลุม และการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ระบบนิเวศของนักพัฒนาของ Apple มักถูกมองว่ามีความสมบูรณ์และได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่ดีกว่า
การพัฒนาแอปพลิเคชัน AR ด้วย ARCore และ ARKit
การพัฒนาแอปพลิเคชัน AR ด้วย ARCore และ ARKit ประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญหลายประการ:
- การตั้งค่าสภาพแวดล้อมการพัฒนา: ดาวน์โหลดและติดตั้ง SDK, IDE และเครื่องมือพัฒนาที่จำเป็นสำหรับแพลตฟอร์มที่คุณเลือก (Android Studio สำหรับ ARCore, Xcode สำหรับ ARKit)
- การสร้างโปรเจกต์ AR ใหม่: สร้างโปรเจกต์ใหม่ใน IDE ที่คุณเลือกและกำหนดค่าสำหรับการพัฒนา AR
- การเริ่มต้นเซสชัน AR: เริ่มต้นเซสชัน AR และกำหนดค่าให้ใช้ฟีเจอร์ที่เหมาะสม เช่น การตรวจจับระนาบ การจดจำภาพ หรือการติดตามวัตถุ
- การเพิ่มเนื้อหา AR: นำเข้าหรือสร้างโมเดล 3 มิติ, รูปภาพ และสินทรัพย์อื่นๆ ที่คุณต้องการซ้อนทับลงบนโลกแห่งความเป็นจริง
- การจัดการอินพุตจากผู้ใช้: ใช้ท่าทางการสัมผัสและกลไกการป้อนข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับเนื้อหา AR ได้
- การทดสอบและการดีบัก: ทดสอบและดีบักแอปพลิเคชัน AR ของคุณอย่างละเอียดบนอุปกรณ์จริงเพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้ตามที่คาดหวังในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
- การปรับปรุงประสิทธิภาพ: ปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน AR ของคุณเพื่อให้การทำงานราบรื่นและตอบสนองได้ดี โดยเฉพาะบนอุปกรณ์รุ่นล่าง
เครื่องมือและเฟรมเวิร์กยอดนิยมสำหรับการพัฒนา
- Unity: เอนจิ้นเกมข้ามแพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือแก้ไขแบบภาพและเครื่องมือสคริปต์สำหรับการสร้างแอปพลิเคชัน AR สำหรับทั้ง ARCore และ ARKit
- Unreal Engine: เอนจิ้นเกมยอดนิยมอีกตัวหนึ่งที่ให้ความสามารถในการเรนเดอร์ขั้นสูงและเครื่องมือสคริปต์แบบภาพสำหรับการสร้างประสบการณ์ AR ที่มีความเที่ยงตรงสูง
- SceneKit (ARKit): เฟรมเวิร์กกราฟิก 3 มิติแบบเนทีฟของ Apple ที่มี API แบบ declarative และการผสานรวมกับ Reality Composer สำหรับการสร้างและแก้ไขเนื้อหา AR
- RealityKit (ARKit): เฟรมเวิร์กที่ทันสมัยกว่าซึ่งสร้างขึ้นบน SceneKit และออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ AR ประกอบด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ฟิสิกส์, เสียงเชิงพื้นที่ และเครือข่ายแบบหลายผู้เล่น
- Android SDK (ARCore): SDK แบบเนทีฟของ Google สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน Android ซึ่งให้การเข้าถึง API และฟีเจอร์ของ ARCore โดยตรง
อนาคตของ Augmented Reality
Augmented Reality พร้อมที่จะปฏิวัติวิธีที่เราโต้ตอบกับเทคโนโลยีและโลกรอบตัวเรา ในขณะที่ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ยังคงพัฒนาต่อไป เราคาดหวังได้ว่าจะได้เห็นแอปพลิเคชัน AR ที่สมจริง โต้ตอบได้ และใช้งานได้จริงมากขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ
แนวโน้มสำคัญที่กำหนดอนาคตของ AR
- ความก้าวหน้าทางฮาร์ดแวร์: การพัฒนาอุปกรณ์พกพาที่มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานมากขึ้น รวมถึงการเกิดขึ้นของแว่นตาและชุดหูฟัง AR โดยเฉพาะ จะช่วยให้เกิดประสบการณ์ AR ที่สมจริงและไร้รอยต่อมากขึ้น
- คอมพิวเตอร์วิทัศน์ที่ได้รับการปรับปรุง: ความก้าวหน้าในอัลกอริทึมคอมพิวเตอร์วิทัศน์และการเรียนรู้ของเครื่องจะทำให้อุปกรณ์ AR สามารถเข้าใจและโต้ตอบกับสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น นำไปสู่ประสบการณ์ AR ที่สมจริงและใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
- การเชื่อมต่อ 5G: การนำเครือข่าย 5G มาใช้อย่างแพร่หลายจะให้แบนด์วิดท์และความหน่วงต่ำที่จำเป็นสำหรับแอปพลิเคชัน AR แบบเรียลไทม์ เช่น AR แบบทำงานร่วมกันและการช่วยเหลือทางไกล
- Edge Computing: Edge computing จะทำให้อุปกรณ์ AR สามารถถ่ายโอนงานประมวลผลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงได้ ซึ่งจะช่วยลดความหน่วงและปรับปรุงประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับแอปพลิเคชัน AR ที่ซับซ้อน
- Spatial Computing: การบรรจบกันของ AR, VR และเทคโนโลยีอื่นๆ เข้าด้วยกันเป็นแพลตฟอร์ม spatial computing ที่เป็นหนึ่งเดียว จะสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับประสบการณ์ที่สมจริงและโต้ตอบได้
- AR Cloud: การแสดงผลดิจิทัลของโลกแห่งความเป็นจริงที่ใช้ร่วมกัน เพื่อเปิดใช้งานประสบการณ์ AR ที่ต่อเนื่องและทำงานร่วมกันได้
การประยุกต์ใช้ที่เป็นไปได้ในอนาคต
- ค้าปลีกอัจฉริยะ: ประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ขับเคลื่อนด้วย AR ซึ่งให้คำแนะนำส่วนบุคคล การลองสินค้าเสมือนจริง และข้อมูลผลิตภัณฑ์เชิงโต้ตอบ
- การศึกษาที่ล้ำหน้า: ประสบการณ์การเรียนรู้บนพื้นฐาน AR ที่ทำให้หนังสือเรียนมีชีวิตชีวา ให้การจำลองที่สมจริง และอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันทางไกล
- การดูแลสุขภาพทางไกล: เครื่องมือ AR ที่ช่วยให้สามารถให้คำปรึกษาทางไกล การฝึกอบรมเสมือนจริง และการช่วยผ่าตัด ซึ่งช่วยปรับปรุงการเข้าถึงการดูแลสุขภาพในพื้นที่ห่างไกล
- ระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม: แอปพลิเคชัน AR ที่ช่วยคนงานในงานที่ซับซ้อน ให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และปรับปรุงความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม
- เมืองอัจฉริยะ: การซ้อนทับข้อมูลด้วย AR ที่ให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการขนส่งสาธารณะ สภาพการจราจร และจุดสนใจในสภาพแวดล้อมเมือง
บทสรุป
ARCore และ ARKit กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของ Augmented Reality โดยช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างประสบการณ์ที่สร้างสรรค์และน่าสนใจในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ในขณะที่เทคโนโลยี AR ยังคงก้าวหน้าต่อไป เราคาดหวังได้ว่าจะได้เห็นแอปพลิเคชันที่ปฏิวัติวงการมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเปลี่ยนวิธีที่เราโต้ตอบกับเทคโนโลยีและโลกรอบตัวเรา ไม่ว่าคุณจะเป็นนักพัฒนา เจ้าของธุรกิจ หรือเพียงแค่สงสัยเกี่ยวกับอนาคตของเทคโนโลยี ตอนนี้คือเวลาที่จะสำรวจความเป็นไปได้ที่น่าตื่นเต้นของ Augmented Reality
คู่มือนี้ให้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ ARCore และ ARKit การเรียนรู้เพิ่มเติมผ่านเอกสารสำหรับนักพัฒนา หลักสูตรออนไลน์ และการทดลองจะเป็นกุญแจสำคัญในการเชี่ยวชาญการพัฒนา AR อนาคตของ AR นั้นสดใส และด้วยเครื่องมือและความรู้ที่เหมาะสม คุณก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของมันได้